คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเข้าไปทำเจ้าทุกข์แล้วพูดขอเงินเจ้าทุกข์ตอบว่าไม่มี จำเลยชักมีดปลายแหลมออกจากเอวเงื้อง่าทำท่าจะแทงแล้วพูดว่าให้หรือไม่ให้แล้วจำเลยก็แทงไปเจ้าทุกข์หลบเสียทันแล้วรวบแขนจำเลยกอดตัวไว้เรียกให้คนช่วยมีตำรวจมาช่วยจำเลยจึงถูกจับถือว่าจำเลยใช้สาตราวุธขู่ให้เจ้าทุกข์ส่งเงินให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพเมื่อโจทก์บรรยายในข้อหาฐานนี้ด้วยก็ลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้มีดซุยปลายแหลมเป็นศาตราวุธเข้ากระทำการขู่เข็ญจะทำร้ายนายคำศรีเพื่อบังคับและขู่เข็ญขืนใจให้นายคำศรีสัญญาว่าจะส่งเงินให้แก่จำเลยโดยที่จำเลยมิได้มีอำนาจทำได้โดยชอบด้วย กฎหมาย มีเหตุพ้นวิสัยป้องกันและขัดขวางไว้ กล่าวคือนายคำศรีกอดปล้ำจำเลยไว้และร้องให้คนช่วยจับจำเลยทันท่วงทีจำเลยจึงทำการกรรโชกไม่สำเร็จ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 268, 303

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทำความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานกรรโชกและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพจึงลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตามฟ้องอยู่แล้ว พิพากษาให้จำคุกจำเลย 1 ปีตามมาตรา 268

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้วได้ความว่าค่ำวันเกิดเหตุนายคำศรีนอนเล่นอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องแถวซึ่งจดถนนจำเลยเข้าไปหาแล้วพูดขอเงินนายคำศรีตอบว่าไม่มีจำเลยชักมีดปลายแหลมออกจากเอวเงื่อง่าทำท่าจะแทงแล้วพูดว่าให้หรือไม่ให้แล้วจำเลยก็แทงไป นายคำศรีหลบทัน นายคำศรีรวบแขนจำเลยกอดตัวไว้เรียกให้คนช่วย พลตำรวจนายหนึ่งวิ่งมาช่วยจำเลยถูกจับในที่นั้น จำเลยนำสืบว่าจำเลยนำมีดหลายเล่มไปยื่นขอขายให้นายคำศรี การนำสืบของจำเลยไม่น่าเชื่อ ข้อเท็จจริงต้องฟังว่าจำเลยใช้ศาตราวุธขู่นายคำศรีให้นายคำศรีส่งเงิน ฎีกาจำเลยเถียงข้อเท็จจริงฟังไม่ขึ้น การกระทำของจำเลยเป็นการทำให้นายคำศรีเสื่อมเสียอิสสระภาพ ข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพก็มีอยู่ในฟ้องและไม่ใช่คดีส่วนตัวจะไม่ลงโทษจำเลยหาได้ไม่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share