คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1613/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานลักทรัพย์ไม่เป็นเหตุร้ายสำคัญตามความหมาย พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 27(7)
ผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดอาญาในหมู่บ้านของตนได้และมีอำนาจไปจับผู้ร้ายในหมู่บ้านใกล้เคียงได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุร้ายสำคัญ เมื่อความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่เหตุร้ายสำคัญ ผู้ใหญ่บ้านจึงไม่มีอำนาจไปจับกุมผู้ร้ายนอกเขตหมู่บ้านของตนก็เป็นการกระทำนอกเหนือหน้าที่ จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ไม่มีอำนาจจับกุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวน ศาลล่างพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องว่า นายศรศรีผู้ใหญ่บ้านกับนายหอมและนายเนตรจำเลย ไปจับกุมนายศรีล่ามโซ่ไว้ และใช้วาจาขู่เข็ญให้ให้เงิน นายศรีและนายพลอยมีความกลัวจึงส่งมอบเงินให้แก่จำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๙,๓๑๐,๓๓๗,๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นลงโทษนายศรศรีและนายเนตรจำเลย ให้ยกฟ้องเฉพาะนายหอมจำเลย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ใได้วินิจฉัยมาแล้ว เรื่องนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่านายศรศรีผู้ใหญ่บ้านบ้านพรานกับนายเนตร และนายหอม จำเลย ไปจับกุมนายศรีคนบ้านสิ มาควบคุมโดยหาว่านายศรีเป็นคนลักไก่ได้ไปจับนอกเขตหมู่บ้านของนายศรีโดยไม่มีหมายจับ ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ มาตรา ๒๗ ข้อ ๗ ได้บัญญัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านจะต้องเรียกลูกบ้านของตนออกช่วยต่อสู้ติดตามจับผู้ร้ายเอาของกลางคืนในหมู่บ้านของตนหรือในหมู่บ้านใกล้เคียงได้ ต่อเมื่อเกิดเหตุจลาจล ฆ่ากันตาย ตีชิง ปล้นทรัพย์ ไฟไหม้หรือเหตุร้ายสำคัญ คำว่า เหตุร้ายสำคัญ จึงต้องเป็นเหตุร้ายทำนองดังกล่าว ความผิดลักทรัพย์ จึงยังไม่เป็นเหตุร้ายสำคัญ ตามความหมายของบทบัญญัติมาตรานี้ ผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดอาญาในหมู่บ้านของตนได้ และจะมีอำนาจไปจับผู้ร้ายในหมู่บ้านใกล้เคียงได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุร้ายสำคัญดังกล่าวข้างต้น เมื่อความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่เหตุร้ายสำคัญ นายศรศรีผู้ใหญ่บ้านจึงไม่มีอำนาจจับกุมนายศรีนอกเขตหมู่บ้านของตน การกระทำของนายศรศรีผู้ใหญ่บ้านเป็นการนอกเหนือหน้าที่ผู้ใหญ่บ้าน จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน และไม่มีอำนาจจับกุมนายศรีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๗๘ การกระทำของนายศรีไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าตามมาตรา ๘๐ นายศรศรีและนายเนตรจำเลยในฐานะราษฎรจึงไม่มีอำนาจจับกุมนายศรีตามมาตรา ๗๙ และนายศรศรีผู้ใหญ่บ้านไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานผู้จัดการตามหมายจับและไม่ได้ขอความช่วยเหลือนายเนตรจำเลยเพื่อจัดการตามหมายจับ ตามมาตรา ๘๒ จึงไม่มีจับกุม สำหรับพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ มาตรา ๒๘ ข้อ ๓ ก็บัญญัติเฉพาะกรณีให้ผู้ใหญ่บ้านจับหรือยึดของกลางนำส่งต่อกำนันเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับอำนาจการจับกุมผู้ต้องหาอย่างใด การกระทำของนายศรศรีและนายเนตรจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๐
ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๗ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยฎีกาเถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
พิพากษายืน

Share