คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของเดิมได้ปลูกสร้างตึกแถวเลขที่ 40,41 และ 42ลงบนที่ดิน2 แปลงของตนคือที่ดินโฉนดที่ 811 และที่237ปรากฏว่าตึกแถวเลขที่ 41 ได้ปลูกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดที่ 811ต่อมาที่ดินโฉนดที่ 811 พร้อมตึกแถวได้ตกเป็นของโจทก์ส่วนที่ดินโฉนดที่ 237 พร้อมทั้งตึกแถวได้ตกเป็นของจำเลยกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องนำบทกฎหมายที่ใกล้เคียงมาใช้บังคับคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312การที่ตึกแถวเลขที่41 ปลูกล้ำเข้าไปในโฉนดที่ 811 ของโจทก์นั้นเจ้าของเดิมเป็นผู้ปลูกหาใช่จำเลยไม่โจทก์จำเลยต่างรับโอนที่ดินและตึกแถวมาอีกทอดหนึ่งถือได้ว่าการรุกล้ำดังกล่าวเป็นมาโดยสุจริตจะให้จำเลยรื้อถอนไปหาชอบด้วยความยุติธรรมไม่และจะนำมาตรา1310 มาปรับกับกรณีนี้ก็ไม่ได้ เพราะมาตรา 1310 เป็นบทบัญญัติกรณีที่ปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่ดินผู้อื่นทั้งหลัง มิใช่ปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินผู้อื่นเพียงบางส่วนเช่นกรณีนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนฝาห้องเลขที่ 41 ออกไปจากที่ดินโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมนางเชียมมีที่ดิน 2 แปลงคือแปลงโฉนดเลขที่ 811 และโฉนดเลขที่ 237 ที่ดินโฉนดที่ 811 มีตึกแถวเลขที่ 40 ปลูกอยู่ ส่วนโฉนด 237 มีตึกแถวเลขที่ 41 และ 42 ปลูกอยู่ โดยเฉพาะตึกแถวเลขที่ 41 ปลูกรุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดที่ 811 ต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินโฉนดที่ 811 พร้อมตึกแถวจากนางเชียมดดยตกลงกันด้วยวาจาว่า ถ้านางเชียมจะขายที่ดินโฉนดที่ 237 พร้อมตึกแถวเลขที่ 41 ให้แก่บุคคลอื่นนางเชียมจะต้องรื้อฝาห้องที่รุกล้ำและทำใหม่ให้ถูกต้องตามแนวเขต ต่อมานางเชียมแพ้คดีจำเลยโดยศาลพิพากษาให้ที่ดินโฉนดที่ 237 กับตึกแถวเลขที่ 41, 42 เป็นของจำเลย โจทก์จึงให้ทนายมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยรื้อฝาห้องเลขที่ 41 ที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อถอนฝาห้องเลขที่ 41และทำใหม่ให้ตรงแนวเขต

จำเลยให้การว่า ขณะที่ปลูกสร้างตึกแถวนั้นที่ดินโฉนดเลขที่ 237 เป็นของนายสุพล ต่อมาตกเป็นของจำเลยตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 43/2516 ของศาลจังหวัดนครพนม และตึกแถวเลขที่ 41, 42 ตกเป็นของจำเลยตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 70/2520 ของศาลจังหวัดนครพนม โดยจำเลยต้องจ่ายค่าที่ดินที่ตึกแถวเลขที่ 41 รุกล้ำแก่นางเชียมเป็นเงินหนึ่งหมื่นบาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องนำบทกฎหมายที่ใกล้เคียงมาใช้บังคับ คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 การที่ตึกแถวเลขที่ 41 ปลูกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 811 ของโจทก์นั้นนางเชียมเจ้าของเดิมเป็นผู้ปลูกสร้างมิใช่จำเลยปลูกสร้าง ทั้งโจทก์และจำเลยต่างรับโอนที่ดินและตึกแถวมาอีกทอดหนึ่ง ถือได้ว่าการรุกล้ำดังกล่าวเป็นมาโดยสุจริต จะให้จำเลยรื้อถอนไปหาชอบด้วยความยุติธรรมไม่ เพราะแม้แต่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปโดยสุจริต โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อถอน คงมีแต่สิทธิเรียกค่าใช้ที่ดินเท่านั้น

พิพากษายืน

Share