คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องนั้นเสีย คำสั่งยกคำร้องนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและไม่ใช่เป็นกรณีศาลสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนั้นไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 226 ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจรับพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยและศาลฎีกาก็พิจารณาตามข้อฎีกาของจำเลยต่อไปไม่ได้ ให้ยกอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และฎีกาจำเลย

ย่อยาว

เดิมโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกพระยาเพชร์ปาณีตามพินัยกรรม ฝ่ายจำเลยคัดค้านว่าพินัยกรรมทำขึ้นเพราะกลฉ้อฉลและข่มขู่ ศาลชั้นต้นดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาท เรียกฝ่ายผู้ร้องว่าโจทก์ เรียกฝ่ายผู้คัดค้านว่าจำเลย

สืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว นายกาญจน์จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องคัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่า แม้ข้ออ้างของจำเลยจะยื่นได้ก่อนวันชี้หรือไม่ก็ตาม การขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อต่อสู้หรือข้อคัดค้านเดิมหลังวันชี้จะทำได้เฉพาะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยเป็นการโต้แย้งความไม่สมบูรณ์หรือความเสียเปล่าของพินัยกรรม ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ อ้างว่าจำเลยอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ได้ แต่ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยอุทธรณ์ได้ ให้รับอุทธรณ์แล้วพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา และเป็นกรณีศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้พิจารณาแล้วจึงสั่งยกคำร้องไม่ใช่เป็นกรณีสั่งไม่รับคำคู่ความตามมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนั้นไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจรับพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยและศาลฎีกาก็พิจารณาตามข้อฎีกาของจำเลยต่อไปไม่ได้ ให้ยกอุทธรณ์ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และฎีกาจำเลย

Share