แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์โดยมิได้กล่าวว่าที่พิพาทอยู่ที่ตำบลใด ครั้นจำเลยให้การต่อสู้คดี ได้ให้การตัดฟ้องด้วยว่า ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่า ที่พิพาทอยู่ตำบลอำเภอใด เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องว่าที่พิพาทอยู่ ตำบลอำเภอและจังหวัดใด ดังนี้เมื่อปรากฎว่าฟ้องของโจทก์ได้กล่าวไว้แล้วว่าที่พิพาท โจทก์ได้มาตามสัญญายอมความ ในคดีหนึ่งของศาลนั้น ซึ่งในคดีนั้นก็ปรากฎชัดว่า ที่พิพาทแปลงนี้อยู่ที่ตำบลอำเภอจังหวัดใด และจำเลยซึ่งเป็นบุตรจำเลยในคดีก่อน ก็รู้ดีว่าที่ซึ่งโจทก์ฟ้อง อยู่ที่ตำบลใด ดังปรากฎตามคำให้การแล้ว ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมฟ้อง ฟ้องของโจทก์ก็ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
กรณีนี้  เนื่องจากคำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์  โจทก์มิได้กล่าวว่า  ที่พิพาทอยู่ที่ไหน  เป็นแต่กล่าวถึงทิศเหนือข้างเคียง  ซึ่งจำเลยให้การตัดฟ้องว่า  ฟ้องเคลือบคลุม  ต่อมาก่อนถึงวันนัดชี้สองสถาน หนึ่งวัน  โจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องว่าที่ดินที่โจทก์ฟ้องอยู่ตำบลบางลูกเรือ  อำเภอองครักษ์  จังหวัดนครนายก  ฝ่ายจำเลยคัดค้านว่า  ไม่ควรอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้อง  ฯลฯ
ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องและเมื่อพิจารณาแล้ว  พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  ข้อที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องว่าที่พิพาทอยู่ตำบลบางลูกเรือ  อำเภอองครักษ์  จังหวัดนครนายกนั้น  ไม่บังเกิดผลเสียหายแก่จำเลยในทางคดีอย่างใด  เลย  เพราะในคำฟ้องของโจทก์ก็ได้กล่าวไว้  แล้วว่า  ที่พิพาทโจทก์ได้มาจาก นางเฟื่องตามสัญญายอมความในคดีแดงที่  ๔๗/๒๔๘๐  ของศาลเดียวกัน  ซึ่งในคดีนั้นก็ปรากฎชัดว่า  ที่แปลงนี้อยู่ตำบลบางลูกเรือ  อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก  และจำเลยซึ่งเป็นบุตรนางมาจำเลยในคดีแดงที่  ๔๗/๒๔๘๐  ก็รู้ดีว่า  ที่ซึ่งโจทก์ฟ้องอยู่จังหวัดใด  ตำบลใด  ดังปรากฎในคำให้การ  ฉะนั้นโจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมฟ้อง  ๆ  ของโจทก์ก็ไม่เคลือบคลุม
จึงพิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

