แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่รับพิจารณาอุทธรณ์โจทก์เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แล้ว โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกไม่ได้ เพราะถือได้ว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์ฎีกาไม่มีการยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ต้องห้ามตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าที่ดิน ขอให้ขับไล่ และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ผิดสัญญาและจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ว่า “รับเป็นอุทธรณ์”
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์โดยเห็นว่า เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นมาอีก เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่รับพิจารณาอุทธรณ์โจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามกฎหมายแล้ว คดีก็ไม่มีการพิจารณาข้อเท็จจริงในชั้นศาลอุทธรณ์ ซึ่งถือได้ว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์ฎีกาไม่มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา ๒๔๙ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์