คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เยาว์อายุไม่เกิน 13 ปี ได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลให้ไปดูภาพยนตร์ภาพยนตร์เลิกแล้วผู้เยาว์พบกับจำเลย จำเลยกับผู้เยาว์พากันไปร่วมประเวณีที่กระท่อมด้วยความสมัครใจแล้วแยกกันกลับบ้าน แม้ว่าทางกลับบ้านของผู้เยาว์กับกระท่อมจะห่างกันเพียง 90 เมตร และผู้เยาว์อยู่กับจำเลยที่กระท่อมเพียง 5 ชั่วโมงก็ตาม ถือได้ว่าจำเลยรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิของผู้ดูแลในการควบคุมดูแลผู้เยาว์โดยปราศจากเหตุอันสมควรเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรค 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายเด็กหญิงสุนีย์อายุไม่เกิน 13 ปีและพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร และบังอาจข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงสุนีย์ซึ่งมิใช่ภรรยาตนโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนเด็กหญิงสุนีย์ไม่สามารถขัดขืนได้จนสำเร็จความใคร่ อันเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 284,317 วรรคสาม, 391 ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2, 7, 10, 12

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 12 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี คำขออื่นของโจทก์ให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราด้วย

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง หากศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำผิดก็ขอรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งมีอายุไม่เกิน13 ปี โดยผู้เสียหายยินยอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ซึ่งแก้ไขแล้ว แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทกฎหมายดังกล่าว ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทที่ถูกต้องได้ พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 7 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุกว่าสิบเจ็ดปี แต่ยังไม่เกินยี่สิบปีเห็นควรลดมาตราส่วนโทษให้ตามมาตรา 76 หนึ่งในสาม ให้จำคุกจำเลยไว้ 1 ปี 4 เดือน รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตามมาตรา 56

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม ที่แก้ไขแล้วด้วย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความจากข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาว่าเด็กหญิงสุนย์เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2509 เป็นบุตรของนายไชง้วนกับนางฉลวย เมื่อนายไชง้วนกับนางฉลวยเลิกร้างกัน ขณะนั้นผู้เสียหายอายุได้ 3 ปี ได้มาอาศัยอยู่กับนางเมี้ยนพี่สาวนางฉลวย ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายขออนุญาตนางเมี้ยนไปพักอาศัยอยู่กับนางเยื้องซึ่งเป็นเพื่อนกับมารดาวันที่ 23 เมษายน 2520 เวลาประมาณ 20 นาฬิกา ผู้เสียหายขออนุญาตนางเยื้องไปชมภาพยนตร์ที่วัดหมู จนเวลาเที่ยงคืนภาพยนตร์หยุดฉายผู้เสียหายได้พบกับจำเลย ซึ่งเคยพูดเกี้ยวผู้เสียหายมาก่อน แล้วพากันไปที่กระท่อม ผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำชำเรา 1 ครั้ง จนเวลา 5 นาฬิกาผู้เสียจึงได้จากจำเลยกลับบ้าน ปัญหาข้อกฎหมายในชั้นฎีกามีว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้วหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยและเด็กหญิงสุนีย์ผู้เสียหายพากันไปร่วมประเวณีกันที่กระท่อมด้วยความสมัครใจ แล้วแยกกันกลับบ้านนั้นแม้ว่าทางกลับบ้านของผู้เสียหายกับกระท่อมจะห่างกันเพียงประมาณ 90 เมตร และผู้เสียหายอยู่กับจำเลยที่กระท่อมเพียงประมาณ 5 ชั่วโมงก็ตาม ถือได้ว่าจำเลยรบกวนหรือแยกสิทธิของนางเยื้องในการควบคุมดูแลผู้เสียหายโดยปราศจากเหตุอันสมควรแล้ว จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรคสาม ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้วอีกกระทงหนึ่งด้วย

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 12 อีกกระทงหนึ่งจำเลยอายุกว่า 17 ปี แต่ไม่เกินยี่สิบปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม ให้จำคุกจำเลยหนึ่งปีสี่เดือน รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share