คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์จำเลยให้แก่ ช. มิได้ขอให้แบ่งแยกให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งแยกให้ ผู้ที่ถูกโต้แย้งสิทธิ คือ ข. หาใช่โจทก์ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นผู้รับมรดกร่วมกันในที่ดินของนายอับดุลการิมบิดา ๑ แปลง โฉนดเลขที่ ๑๓๘๓ ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ที่ดินโฉนดดังกล่าวมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมเฉพาะส่วนอยู่ ๓ คน คือ ร้อยตรีชำนาญ นายเข็ม และนายมูฮำหมัด วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๑๗ นายชื่นได้ซื้อที่ดินเฉพาะส่วนของบุคคลทั้งสามซึ่งมีเนื้อที่จำนวน ๓ ไร่ แต่ในการรังวัดแบ่งแยกโฉนด จำเลยได้ชี้เขตที่ดินให้นายชื่น ซึ่งออกเป็นโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๖ ได้เนื้อที่เพียง ๒ ไร่ ๓ งาน ๕๕ ตารางวา อีก ๔๕ ตารางวา ตกอยู่ในโฉนดที่โจทก์ จำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันคือโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๕ ซึ่งแยกจากโฉนดเดิมมีเนื้อที่ ๓ งาน ๗๙ ตารางวา เมื่อที่ดินที่นายชื่นซื้อขาดจำนวนเช่นนี้ นายชื่นจึงขอคืนจากโจทก์จำเลยคนละ ๒๒ ตารางวาครึ่ง โจทก์ยอมคืนให้ ส่วนจำเลยไม่ยอมจนนายชื่นต้องฟ้องจำเลยจึงยอมความคืนให้ และโจทก์ได้ไปลงชื่อร่วมในคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยให้นายชื่นไปแล้ว ต่อมาโจทก์ไปขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๕ เฉพาะส่วนของโจทก์ให้นายชื่นจำนวน ๒๒ ตารางวาครึ่ง เจ้าพนักงานขัดข้องอ้างว่าต้องนำโฉนดไปด้วย และต้องให้จำเลยผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมไปลงชื่อในคำขอรังวัด จึงจะจัดการให้ได้ โจทก์มอบให้ทนายโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๕ ไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ครั้นถึงกำหนด จำเลยไปยังสำนักงานที่ดินดังกล่าว แต่ไม่นำโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๕ ไปด้วย และแจ้งว่าไม่ยอมให้ทำการรังวัดที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์ ๒๒ ตารางวาครึ่ง ให้แก่นายชื่น เป็นเหตุให้โจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๕ ให้นายชื่นไม่ได้ จึงฟ้องให้ศาลพิพากษาให้จำเลยนำโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๕ มามอบให้โจทก์ที่ศาลโดยพลันและให้จำเลยไปร่วมลงชื่อขอแบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวเฉพาะส่วนของโจทก์ ณ สำนักงานที่ดิน จังหวัดสมุทรปราการให้นายชื่น ถ้าจำเลยไม่ไปลงชื่อร่วมกับโจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นเครื่องแสดงเจตนาของจำเลยในการขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวและให้เจ้าพนักงานที่ดินจัดการรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๐๗๒๕ เฉพาะส่วนของโจทก์ ๒๒ ตารางวาครึ่งให้นายชื่น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งว่า กรณีตามคำฟ้องโจทก์มิได้ถูกโต้แย้งสิทธิจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลแต่อย่างใด ไม่รับคำฟ้องจำหน่ายคดี คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ประเด็นแห่งคดีมีว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ศาลชอบที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์จำเลยให้แก่นายชื่น มิได้ขอให้แบ่งแยกให้โจทก์ ฉะนั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งแยกให้ผู้ที่ถูกโต้แย้งสิทธิคือนายชื่น หาใช่โจทก์ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยขอให้จัดการรังวัดที่ดินพิพาทให้แก่นายชื่น
พิพากษายืน

Share