คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยเห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดในอนาคต ไม่พอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่ได้ยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุต่างๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ในคดีก่อนจึงยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ใหม่ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบให้ครอบครองดูแลรักษาเครื่องเพชรรวมราคา123,000 บาทของนางจารุรัตน์ผู้เสียหาย แล้วจำเลยโดยทุจริตได้เบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวของผู้เสียหายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยเองหรือของผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้องแล้วตามคดีหมายเลขแดงที่ 330/2523 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) สั่งไม่ประทับฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า คดีก่อนศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมยังไม่ได้วินิจฉัยในความผิดที่ได้ฟ้อง โจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ได้ คดียังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 330/2523 ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดในอนาคต ไม่พอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ศาลชั้นต้นไม่ได้ยกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าจำเลยมิได้กระทำผิด หรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด หรือคดีขาดอายุความแล้ว หรือมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ดังนั้น ในคดีก่อนจึงยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป

Share