คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถยนต์เป็นของโจทก์ได้ให้ผู้อื่นเช่าซื้อไป ได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยในวงเงิน 700,000 บาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ ผู้เช่าซื้อคงค้างค่าเช่าซื้ออยู่ 562,508 บาท รถคันพิพาทก็หายไป เช่นนี้ ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีปรากฏว่าผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้รับประโยชน์เป็นเงิน 700,000 บาท เมื่อรถยนต์เกิดหายไปผู้รับประกันภัยก็จะต้องชดใช้ตามจำนวนดังกล่าว หาใช่จำนวนตามที่ผู้เช่าซื้อค้างค่าเช่าซื้อไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดฮกเฮงพาณิชย์เช่าซื้อรถยนต์ไป ห้างฯ ดังกล่าวได้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ในวงเงิน 700,000 บาท ต่อมารถยนต์พิพาทถูกคนร้ายลักไป จึงขอให้จำเลยชำระเงิน 700,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง รถยนต์พิพาทมิใช่ของโจทก์และมิใช่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดฮกเฮงพาณิชย์ สัญญาประกันภัยจึงไม่มีผลตามกฎหมาย และรถยนต์พิพาทราคาไม่ถึง 700,000 บาท โจทก์ได้รับค่าเช่าซื้อไปแล้ว คงค้างอยู่เพียง 540,000 บาท โจทก์จึงมีส่วนได้เสียเพียงเท่าจำนวนดังกล่าวไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ย ทั้งโจทก์ทำผิดเงื่อนไขกรมธรรม์จึงไม่มีสิทธิได้ค่าทดแทน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 739,375 บาทแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้เงิน 700,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับจากวันที่ 1 เมษายน 2520 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติรับฟังได้ว่า รถยนต์ยี่ห้อเมอร์ซีเดส เบนซ์ รุ่น 280 เอส หมายเลขทะเบียน 5 ค – 4714 เป็นของโจทก์ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดฮกเฮงพาณิชย์เช่าซื้อไปในวงเงิน 672,000 บาท ผ่อนชำระเป็นรายเดือน รถยนต์คันดังกล่าวห้างหุ้นส่วนจำกัดฮกเฮงพาณิชย์นำมาประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลยในวงเงิน 700,000 บาท ระยะเวลาประกันภัยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2519 ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2520 ซึ่งหากเกิดความเสียหายหรือสูญหาย จำเลยยอมชดใช้ให้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าของปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวเกิดหายไปเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2519 และต่อมาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2519 ห้างหุ้นส่วนจำกัดฮกเฮงพาณิชย์จึงให้พนักงานของห้างฯ ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี หลังจากที่ติดต่อเอาหลักฐานและใบมอบอำนาจจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าของได้แล้ว รถยนต์คันดังกล่าวขณะนี้ยังไม่ได้รับคืนมา โจทก์จึงมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้ ซึ่งจำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้ชำระให้

จำเลยฎีกาต่อไปอีกว่า ผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อโจทก์เพียง 562,508 บาท ดังนั้น โจทก์จึงเสียหายเพียงจำนวนดังกล่าวเท่านั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยมีปรากฏว่า ผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัย (ผู้รับประโยชน์) เป็นจำนวน 700,000 บาท ดังนั้น เมื่อรถยนต์พิพาทเกิดหายไป ผู้รับประกันภัยก็จะต้องชดใช้ตามจำนวนเงินดังกล่าว หาใช่จำนวนเงิน 562,508 บาท ดังข้ออ้างของจำเลยไม่ ทั้งโจทก์ก็ได้นำสืบให้เห็นว่าขณะที่รถยนต์พิพาทหายมีราคา 800,000 บาท

พิพากษายืน

Share