คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1589/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทขนส่ง จำกัด มีวัตถุประสงค์ตามหนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนไว้ว่า รับทำการขนส่งทั่วไป ย่อมหมายถึงการรับขนส่งผู้โดยสารตลอดจนการรับขนส่งสินค้าด้วย แม้จะได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกให้ทำการรับขนส่งผู้โดยสารอย่างเดียวก็ไม่ทำให้การรับขนส่งสินค้ากลายเป็นอยู่นอกวัตถุประสงค์ หากจะรับขนส่งสินค้าโดยยังไม่ได้รับอนุญาต ก็เป็นเรื่องผิดใบอนุญาตไม่กระทบกระเทือนถึงบุคคลภายนอกซึ่งรู้กันทั่วไปว่า บริษัทมีวัตถุประสงค์รับทำการขนส่งทั่วไป
รถยนต์ที่บุคคลภายนอกนำเข้าเดินร่วมกับบริษัทขนส่ง จำกัดในเส้นทางที่บริษัทได้รับสัมปทานโดยมีพฤติการณ์ปรากฏแก่คนทั่วไปว่าเป็นรถยนต์ของบริษัท และบริษัทได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นค่าบริการรายเที่ยว แม้คนขับรถประจำจะเป็นผู้ที่บุคคลภายนอกนั้นจ้างมา ก็ต้องถือว่าเป็นลูกจ้างของบริษัทด้วย บริษัทต้องร่วมรับผิดในกิจการรับขนส่งที่คนขับรถได้กระทำแทนในทางการที่จ้าง (อ้างฎีกาที่ 1576/2506)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการรับขนส่งคนโดยสารและสินค้าเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติ ตลอดจนผูกขาดสัมปทานเดินรถทั่วราชอาณาจักร จำเลยที่ 2 เป็นผู้นำรถยนต์ ล.บ.00770มาวิ่งรับขนส่งคนและสินค้าในเส้นทางสัมปทานของจำเลยที่ 1 โดยแสดงออกว่าเป็นรถของจำเลยที่ 1 และประสงค์แบ่งปันผลกำไรกันจึงผูกพันในรูปห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยทั้งสองให้ขนส่งบุหรี่และเครื่องโทรศัพท์พร้อมอาหลั่ยไปส่งยังจังหวัดสิงห์บุรีโดยรถคันดังกล่าว แต่นายเนี้ยวลูกจ้างจำเลยขับรถประมาทพลัดตกจากถนนลงข้างคูเป็นเหตุให้บุหรี่และเครื่องโทรศัพท์เสียหายรวม 79,736.50 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสองในฐานะผู้ขนส่งต้องรับผิด ขอให้บังคับจำเลยใช้

จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่า ได้รับสัมปทานเฉพาะการเดินรถโดยสารประจำทางและมีวัตถุประสงค์ในการรับขนคนโดยสารอย่างเดียว มิได้มีวัตถุประสงค์ในการรับขนส่งสินค้าเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของรถคันเกิดเหตุนายเนี้ยวไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองมิได้เป็นหุ้นส่วนกัน โจทก์ไม่เสียหายเท่าที่ฟ้อง

จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยเช่ารถคันเกิดเหตุมารับขนส่งคนโดยสารมิได้รับจ้างขนส่งสินค้าเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติและมิได้เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่เคยจ้างจำเลยขนบุหรี่และเครื่องโทรศัพท์ นายเนี้ยวนำรถไปรับจ้างขนบุหรี่โดยพลการนอกทางการที่จ้าง นายเนี้ยวมิได้ขับรถประมาท ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องสูงเกินความจริง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ในปัญหาที่ว่า จำเลยทั้งสองจะต้องร่วมกันรับผิดในฐานะผู้ขนส่งสินค้าหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นบริษัท จำกัด มีวัตถุประสงค์ปรากฏตามหนังสือบริคณห์สนธิคือทำการขนส่งทั่วไปจำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกให้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารประจำทางในเส้นทางและการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถสาธารณะผู้โดยสารเกิน 7 คน จำเลยที่ 2 ได้นำรถยนต์เลขทะเบียน ล.บ.00770 เข้าวิ่งร่วมกับบริษัทจำเลยที่ 1 รับขนส่งคนโดยสารระหว่างจังหวัดพระนครและจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีนายเนี้ยวเป็นคนขับประจำในฐานะลูกจ้างกินเงินเดือนของจำเลยที่ 2 รถต้องพ่นสีส้มซึ่งเป็นสีประจำรถของบริษัทจำเลยที่ 1 ข้างรถต้องมีตราของบริษัทจำเลยที่ 1 และเขียนว่า บ.ข.ส. 204-1 การเดินรถต้องออกจากสถานีขนส่งซึ่งจำเลยที่ 1 กำหนดตั๋วโดยสารต้องใช้ตามแบบของจำเลยที่ 1 และต้องเก็บค่าโดยสารตามที่จำเลยที่ 1 กำหนด เงินค่าโดยสารที่เก็บได้เป็นของเจ้าของรถร่วมคือจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 2จะต้องจ่ายเงินค่าบริการให้แก่จำเลยที่ 1 เที่ยวละ 18 บาทระเบียบวินัยของคนขับรถก็ดี ของเด็กกระเป๋าก็ดีต้องอยู่ในความควบคุมของบริษัทจำเลยที่ 1

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ 1 ในหนังสือบริคณห์สนธิว่าจะทำการขนส่งทั่วไปนั้น ย่อมหมายถึงการรับขนส่งผู้โดยสารตลอดจนการรับขนส่งสินค้าด้วย การที่บริษัทจำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกให้ทำการรับขนส่งผู้โดยสารอย่างเดียว ไม่แปลว่าการรับขนส่งสินค้ากลายเป็นอยู่นอกวัตถุประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ 1 เพราะอาจขอรับอนุญาตได้ หากบริษัทจำเลยที่ 1 จะรับขนส่งสินค้าโดยยังไม่ได้รับอนุญาตก็เป็นเรื่องผิดใบอนุญาตไม่กระทบกระเทือนถึงบุคคลภายนอกซึ่งรู้กันทั่วไปว่า บริษัทจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์รับทำการขนส่งทั่วไปตามหนังสือบริคณห์สนธิที่ได้จดทะเบียนไว้ ตามพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองปฏิบัติต่อกันดังได้ความข้างต้น แสดงให้เห็นชัดว่าบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยอมรับรถยนต์เลขทะเบียน ล.บ.00770 ซึ่งจำเลยที่ 2 นำเข้ามาเดินร่วมว่าเป็นรถของบริษัทจำเลยที่ 1 และบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ใช้รถคันนี้เดินรับขนส่งคนโดยสารและสินค้าประจำทางระหว่างจังหวัดพระนครกับสิงห์บุรี โดยมีนายเนี้ยวลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เป็นคนขับประจำและบริษัทจำเลยที่ 1 ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นค่าบริการเที่ยวละ 18 บาท จึงต้องถือว่านายเนี้ยวคนขับรถคันนี้เป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยที่ 1 ด้วย ฉะนั้นบริษัทจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกันรับผิดในกิจการรับขนส่งซึ่งนายเนี้ยวได้กระทำไปในทางการที่จ้าง แทนบริษัทจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้าง เทียบตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 1576/2506

ฎีกาข้ออื่นของจำเลย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัทโจทก์ได้จ้างรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยบรรทุกบุหรี่และเครื่องโทรศัพท์ให้ขนส่งไปยังจังหวัดสิงห์บุรีโดยนายเนี้ยวคนขับรถประจำเป็นผู้รับขนส่งแทนจำเลยในทางการที่จ้าง นายเนี้ยวขับรถประมาทแฉลบตกถนนทำให้สินค้าซึ่งโจทก์เป็นผู้ส่งเสียหายจริงตามฟ้อง

พิพากษายืน

Share