คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องต่อศาลพลเรือนขอให้ลงโทษตาม มาตรา 391 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ถึงแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยทำผิดตามมาตรา 295 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารจะพิจารณาพิพากษาตาม ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 16ก็ดี เพราะไม่มีกฎหมายหรือประกาศคณะปฏิวัติฉบับใดห้ามไว้ และเป็นสิทธิของผู้เสียหายที่จะเลือกฟ้องฐานใดก็ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ไม้ตะบองตีโจทก์ ๑ ที เป็นเหตุให้ร่างกายโจทก์ฟกซ้ำและโลหิตขับ และจำเลยได้บังอาจใช้วาจาขู่เข็ญจะทำร้ายโจทก์ และจะจับกุมโจทก์โดยกล่าวหาว่าเป็นอันธพาล เป็นเหตุให้โจทก์เกิดความหวาดเกรงจะได้รับความอับอาย ฯลฯ ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๕, ๓๙๑, ๓๙๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า โจทก์ถูกทำร้ายมีบาดแผลทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายอันเป็นความผิดตามมาตรา ๒๙๕ ซึ่งตาม ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๖ ให้เป็นอำนาจของศาลมณฑลทหาร บกที่ ๖ ที่จะพิจารณาพิพากษาและเห็นว่าจำเลยไม่ผิดมาตรา ๓๙๒, ๓๙๗ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้ประทับฟ้องเฉพาะความผิดตามมาตรา ๓๔๒ นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่า ถึงแม้จำเลยจะผิดมาตรา ๒๙๕ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษตาม มาตรา ๓๙๑ ได้
่ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีกฎหมายหรือประกาศของคณะปฏิวัติฉบับใดห้ามมิให้ผู้เสียหาย สละสิทธิที่จะฟ้องในข้อหาอันมีโทษหนักแล้วมาฟ้องในข้อหาอันมีโทษเบาไม่ได้ จึงเป็นสิทธิของผู้เสียหายที่จะเลือกฟ้องฐานใดก็ได้ เมื่อฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน ๆ ก็ต้องรับไว้พิจารณา
พิพากษาแก้ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องตามมาตรา ๓๙๑ ด้วย นอกนั้นยืน

Share