คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขายที่ดินให้โจทก์โดยไม่ได้กำหนดว่าส่วนที่ขายอยู่ตอนใดของโฉนด แต่จำเลยได้จดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดนั้น แล้วต่อมาโจทก์จำเลยได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินนี้โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินนำแผนที่สังเขปแสดงรูปส่วนของที่ดินที่จะแบ่งแยกไว้และโจทก์จำเลยได้ลงลายมือชื่อในเอกสารบันทึกการแบ่งแยกที่ดินไว้เป็นหลักฐานด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์จำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมกันอยู่ จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๔๐๐ เนื้อที่ ๑๕ ไร่ ๒ งาน ๘๘ ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย จำเลยได้ตกลงแบ่งที่ดินทางด้านทิศตะวันออกขายให้โจทก์รวม ๑๕ ไร่ ต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนให้โจทก์ลงชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินแปลงดังกล่าว แล้วโจทก์กับจำเลยได้ยื่นคำร้องขอรังวัดและจดทะเบียนสิทธิแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินนั้น เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำบันทึกข้อตกลงและแผนที่สังเขปตามที่โจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันให้โจทก์ทั้งสองโดยจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินกำหนดวันที่จะออกไปทำการรังวัดแบ่งแยกและจดทะเบียนสิทธิออกโฉนดให้โจทก์ จำเลยกลับบิดพลิ้วไม่ยอมชำระค่าธรรมเนียมและนำทำการรังวัด เจ้าพนักงานที่ดินจึงไม่อาจออกไปทำการรังวัดและจดทะเบียนแบ่งแยกให้ได้ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยดำเนินการเกี่ยวกับการรังวัดและจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๔๐๐ ทางด้านทิศตะวันออก เนื้อที่ ๑๕ ไร่ ตามแผนที่สังเขปซึ่งได้บันทึกตกลงกันไว้ให้แก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ทางด้านทิศใต้ ไม่ใช่ทางด้านทิศตะวันออก ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง และให้โจทก์ไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดแปลงตามฟ้องทางด้านทิศเหนือ เนื้อที่ ๒ งาน ๘๘ ตารางวา ให้แก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยตกลงแบ่งขายที่ดินโฉนดตามฟ้องให้แก่โจทก์ทางด้านทิศตะวันออก ส่วนที่เหลือของจำเลยอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องแย้งและบังคับให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ยังฟังไม่ได้ว่าส่วนของโจทก์กับส่วนของจำเลยได้ตกลงแบ่งส่วนไว้ดังที่โจทก์และจำเลยกล่าวอ้างในคำฟ้องและฟ้องแย้ง พิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยดำเนินการรังวัดและจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๔๐๐ ทางด้านทิศตะวันออก เนื้อที่ ๑๕ ไร่ให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อจำเลยตกลงขายที่ดินเนื้อที่รวม ๑๕ ไร่ให้แก่โจทก์ ไม่ได้กำหนดไว้ว่าส่วนที่ขายนั้นอยู่ในบริเวณตอนใดของโฉนดที่ดินแปลงพิพาท จำเลยจึงได้จดทะเบียนสิทธิให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมไว้ในโฉนดที่ดินพิพาทนั้น แต่ในเวลาต่อมาโจทก์กับจำเลยได้ไปยื่นคำขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกไปทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินพิพาทแปลงนี้ให้แก่โจทก์รวมเนื้อที่ ๑๕ ไร่ โดยรังวัดจากทางด้านทิศตะวันออกไปทางด้านทิศตะวันตก ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่สังเขปแสดงรูปส่วนของที่ดินที่จะแบ่งแยกไว้ ดังปรากฏตามเอกสารบันทึกข้อตกลงกับรูปที่ดินตามแผนที่สังเขป พร้อมกันนี้โจทก์กับจำเลยได้ลงลายมือชื่อไว้ในเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานด้วย จึงถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์กับจำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมกันอยู่ จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตาม
พิพากษายืน

Share