คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15690/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจซึ่งปิดอากรแสตมป์ 30 บาท ครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร แต่ไม่มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ ย่อมถือว่ายังไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 118 จึงไม่อาจใช้หนังสือมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานเพื่อรับฟังว่ามีการมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 300,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 20 มิถุนายน 2550 ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า โจทก์ต้องไปร่วมงานฌาปนกิจศพพี่ชายโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลาเช้า กำหนดการฌาปนกิจศพเวลา 16 นาฬิกา โจทก์เดินทางมาศาลได้ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสามโดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รวม 9,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในข้อกฎหมายว่า หนังสือมอบอำนาจ ที่โจทก์อ้างว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายจิรพงศ์ ดำเนินคดีแทนโจทก์ซึ่งปิดอากรแสตมป์ถูกต้องตามประมวลรัษฎากรแต่ไม่ได้มีการขีดฆ่าจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า จากการนำสืบพยานของโจทก์โดยมีนายจิรพงศ์ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายจิรพงศ์ฟ้องคดีโดยได้ลงลายมือชื่อใน ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 2 หาได้นำสืบหักล้างไม่ เพียงแต่กล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ หนังสือมอบอำนาจ ซึ่งปิดอากรแสตมป์ครบถ้วน แม้ไม่ได้มีการขีดฆ่า แต่ในความบกพร่องดังกล่าวเป็นความผิดพลาดที่สามารถแก้ไขได้ หาใช่ไม่อาจแก้ไขได้เลย มิใช่กรณีมิได้มีการปิดอากรแสตมป์ไว้เลย ดังนั้นโจทก์จึงสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามคำร้องที่ขออนุญาตขีดฆ่าอากรแสตมป์ท้ายฎีกานี้ เห็นว่า หนังสือมอบอำนาจ ซึ่งปิดอากรแสตมป์จำนวน 30 บาท ครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร แต่ไม่มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ กรณีดังกล่าวย่อมถือว่ายังไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ดังนั้นจึงไม่อาจใช้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานเพื่อรับฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายจิรพงศ์ฟ้องและดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 หยิบยกปัญหาข้อกฎหมายข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยและฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีชอบหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รวม 9,000 บาท สูงเกินไปนั้น เห็นว่า การกำหนดค่าทนายความดังกล่าวอยู่ในดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ซึ่งเป็นไปตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยคำนึงถึงความยากง่ายแห่งคดีและความสุจริตในการดำเนินคดี ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดค่าทนายความมานั้นจึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 รวม 6,000 บาท

Share