คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร และเมื่อได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอประกัน และสั่งปรับตามสัญญาประกันไปแล้ว จะอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นศาลพลเรือนไม่ได้ (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากกรณีผู้ร้องและนายโปรย ทิพย์รอด ได้รับอนุญาตจากศาลมณฑลทหารบกที่ ๓ (ศาลจังหวัดนครราชสีมา) ให้ประกันตัวจำเลยที่ ๒ ในคดีถูกฟ้องร่วมกับจำเลยที่ ๑ ในข้อหามีและเสพยาเสพติดเฮโรอีน ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๒ หลบหนี นายประกันทั้งสองถูกศาลสั่งปรับตามสัญญาประกันเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ซึ่งศาลได้ผ่อนผันให้แบ่งชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ ๕๐๐ บาท ส่วนนายโปรยนั้นปรากฏว่ามิใช่เจ้าของหลักทรัพย์ประกันตามที่อ้างไว้ได้ถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ ส่วนจำเลยที่ ๑ ศาลได้ดำเนินการพิจารณาต่อไปและพิพากษาลงโทษไปแล้ว ครั้นต่อมาจำเลยที่ ๒ ตาย ศาลจึงลดค่าปรับโดยให้คงเป็นค่าปรับเพียง ๑๐,๐๐๐ บาท เมื่อผู้ร้องชำระแล้ว ๙,๖๐๐ บาท จึงยังคงขาดอีก ๔๐๐ บาท ได้สั่งให้ผู้ร้องชำระให้ครบ
ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้งดค่าปรับ และโจทก์อุทธรณ์ขอให้ปรับผู้ร้องเต็มตามสัญญาประกัน
ศาลอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์ผู้ร้องและโจทก์
ผู้ร้องฎีกา และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ ได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งให้รับไว้
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า การสั่งคำร้องขอประกันและสั่งปรับนายประกันในเรื่องนี้เป็นคำสั่งของศาลมณฑลทหารบกที่ ๓ซึ่งเป็นศาลทหาร มิใช่ศาลจังหวัดนครราชสีมาในฐานะศาลพลเรือนเป็นผู้สั่ง ศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นศาลพลเรือนจึงไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณาตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๓๒/๒๕๐๔
พิพากษายืน

Share