แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ก. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลย จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ส่วนที่จำเลยมิได้คัดค้านในกรณีที่โจทก์แจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 ก็ดี หรือขอรังวัดออกโฉนดที่ดินทั้งแปลงรวมเอาที่ดินส่วนที่พิพาทกันนี้ไปด้วยก็ดี อาจเป็นไปได้ว่าจำเลยไม่ทราบเรื่องหรือไม่เข้าใจ เพราะโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่และเป็นผู้ไปดำเนินการเองโดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยทราบ ถึงกระนั้นจำเลยก็ยังคงครอบครองที่ดินส่วนที่พิพาทมาตลอดจนถึงปัจจุบัน การที่โจทก์ไปขอออกโฉนดที่ดินโดยรวมเอาที่ดินพิพาทเข้าไปด้วยนั้น หาเป็นเหตุให้สิทธิของจำเลยเหนือที่ดินส่วนที่พิพาทที่มีอยู่แล้วโดยสมบูรณ์เสียไปไม่
ที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ดำเนินการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้จำเลยเข้าชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์นั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมในอันที่จะต้องปฏิบัติต่อจำเลย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินเฉพาะส่วนที่พิพาทคือส่วนที่ขีดเส้นสีเขียวตามแผนที่พิพาทเป็นของจำเลย การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดออกโฉนดรวมเอาที่ดินส่วนที่พิพาทกันนี้เข้าไปด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจเพิกถอนโฉนดที่ดินเฉพาะส่วนที่ทับที่ดินส่วนที่พิพาทกันนี้เสียได้ตามประมวลกฎหมายที่ดินฯ มาตรา 61 และเมื่อเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบแล้ว จำเลยจะขอให้ใส่ชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์ในโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบหาได้ไม่เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะไปดำเนินการออกโฉนดที่ดินเองตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 3529 ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมืองตากจังหวัดตาก ของโจทก์ทั้งสองเนื้อที่ 1 งาน 22 7/10 ตารางวา และให้รื้อถอนบ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองบัวใต้ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสอง หากจำเลยและบริวารไม่ยอมรื้อถอน ขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อทำการรื้อถอนโดยให้จำเลยและบริวารเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การกับฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง และพิพากษาว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 3529 ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เนื้อที่1 งาน 22 7/10 ตารางวา ให้โจทก์ทั้งสองดำเนินการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้จำเลยเข้าชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์ทั้งสองเนื้อที่ 1 งาน 22 7/10 ตารางวา และให้โจทก์ทั้งสองจดทะเบียนภารจำยอมให้จำเลยเดินผ่านที่ดินของโจทก์ทั้งสองกว้าง 4 เมตรตลอดแนวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ดินโฉนดเลขที่ 3529ไปจนจดทางสาธารณประโยชน์ หากโจทก์ทั้งสองไม่ดำเนินการดังกล่าวให้ถือเอาตามคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 3529 กับโจทก์ นายเกิด ต่ายทองไม่เคยยกที่ดินเนื้อที่ 1 งาน ให้แก่จำเลย จำเลยเข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินได้เพราะโจทก์ทั้งสองให้จำเลยเข้ามาอาศัยอยู่ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ทั้งสองดำเนินการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่ดินให้จำเลยเข้าชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์ทั้งสองเนื้อที่1 งาน 22 7/10 ตารางวา ตามแผนที่พิพาท หากโจทก์ทั้งสองไม่ไปดำเนินการดังกล่าวให้ถือเอาตามคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ทั้งสอง ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง คำขออื่นของจำเลยนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งสองเนื้อที่ 1 งาน 22 7/10 ตารางวา ตามแนวเส้นสีเขียวในแผนที่พิพาท กับให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 2ตำบลหนองบัวใต้ ที่ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทออกไป หากไม่ปฏิบัติตามให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการรื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 กับนายปานสามีจำเลยเป็นบุตรนายเกิด ต่ายทอง เดิมนายเกิดเป็นเจ้าของที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ 1 แปลง อยู่ที่ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมืองตากจังหวัดตาก เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ต่อมาโจทก์ทั้งสองได้แจ้งการครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวในปี 2515 โจทก์ทั้งสองได้ขอออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นโฉนดเลขที่ 3529 ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมืองตากจังหวัดตาก จำเลยและนายปานผู้เป็นสามีได้ปลูกบ้านในที่ดินส่วนที่พิพาทกันนี้เนื้อที่ประมาณ 120 ตารางวา ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.3 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าที่ดินเฉพาะส่วนที่พิพาทเนื้อที่ 1 งาน 22 7/10ตารางวา ภายในกรอบเส้นสีเขียวที่ปรากฏในแผนที่พิพาท เป็นของจำเลยหรือไม่ …ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่านายเกิดได้ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยและนายปานครอบครอง จำเลยและนายปานจึงได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทส่วนที่จำเลยและนายปานมิได้คัดค้านในกรณีที่โจทก์ทั้งสองแจ้งการครอบครองที่ดินตามสำเนาแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ก็ดีหรือขอรังวัดออกโฉนดที่ดินทั้งแปลงรวมเอาที่ดินส่วนที่พิพาทกันนี้ไปด้วยก็ดี อาจเป็นไปได้ว่าจำเลยและนายปานไม่ทราบเรื่องหรือไม่เข้าใจเพราะโจทก์ทั้งสองเป็นผู้ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่ และเป็นผู้ไปดำเนินการเองโดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยและนายปานทราบถึงกระนั้นจำเลยก็ยังคงครอบครองที่ดินส่วนที่พิพาทมาตลอดจนถึงปัจจุบัน การที่โจทก์ทั้งสองไปขอออกโฉนดที่ดิน โดยรวมเอาที่ดินพิพาทเข้าไปด้วยนั้น หาเป็นเหตุให้สิทธิของจำเลยเหนือที่ดินส่วนที่พิพาทที่มีอยู่แล้วโดยสมบูรณ์เสียไปไม่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ฟังว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ทั้งสองนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
อนึ่ง ที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองดำเนินการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้จำเลยเข้าชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์ทั้งสองเนื้อที่ 1 งาน 22 7/10 ตารางวา นั้น โจทก์ทั้งสองไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมในอันที่จะต้องปฏิบัติต่อจำเลย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินเฉพาะส่วนที่พิพาทเนื้อที่ 1 งาน 22 7/10 ตารางวาคือส่วนที่ขีดเส้นสีเขียวตามแผนที่พิพาทเป็นของจำเลย การที่โจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดออกโฉนดรวมเอาที่ดินส่วนที่พิพาทกันนี้เข้าไปด้วยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจเพิกถอนโฉนดที่ดินเฉพาะที่ทับที่ดินส่วนที่พิพาทกันนี้เสียได้ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 และเมื่อเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบแล้วจำเลยจะขอให้ใส่ชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์ทั้งสองในโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบหาได้ไม่ เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะไปดำเนินการออกโฉนดที่ดินเอาเอง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายที่ดิน”
พิพากษากลับว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3529 ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เฉพาะส่วนที่ออกทับที่ดินพิพาทตามที่ปรากฏในแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.15 ส่วนที่ขีดเส้นสีเขียว เนื้อที่ 1 งาน 22 7/10 ตารางวา คำขออื่นของจำเลยให้ยก ให้ยกฟ้องของโจทก์ทั้งสอง