คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เมื่อจำเลยกระทำผิดในปี 2534แต่ถูกจับและฟ้องในปี 2540 ดังนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เกินกำหนดอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(5) สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6)โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 และ 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 288 และ 371 คืนของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และ 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 (ที่ถูกมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง), 72 วรรคสองและวรรคสาม และ72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 12 ปี กระทงหนึ่งฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 1 ปี กระทงหนึ่ง และฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 1 ปี อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุก 14 ปี คืนเสื้อของกลางแก่เจ้าของคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง และ 72 ทวิ วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในส่วนนี้นั้น ปรากฏตามคำฟ้องและข้อเท็จจริงในทางพิจารณาว่าจำเลยกระทำความผิดดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2534 แต่เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เมื่อวันที่ 18มิถุนายน 2540 และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2540 คดีสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งมีระวางโทษปรับไม่เกิน100 บาท โจทก์ต้องฟ้องจำเลยภายในกำหนดอายุความ 1 ปี นับแต่วันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(5) ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้เกินกำหนดอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยกระทำความผิด คดีของโจทก์สำหรับความผิดดังกล่าวจึงขาดอายุความแล้วตามบทบัญญัติมาตรา 95(5) สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว การกระทำของจำเลยในส่วนนี้คงเป็นความผิดเฉพาะตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง และ 72 ทวิ วรรคสองปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาแต่ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง”

พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่งและ 72 ทวิ วรรคสอง ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share