คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์กรุงเทพฯ

ย่อยาว

คดีนี้โจทย์ฟ้องหาว่าเมื่อวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวัน จำเลยเปนนายท้ายเรือยนต์ชื่อหนองแคแกล้งถือท้ายเรือยนต์ชื่อหนองแคไปโดนเรือยนต์ชื่อบางหลวงของบริษัทบางหลวงจำกัดสินใช้เสียหายไปเปนราคาเงิน ๒๐๐ บาทเหตุเกิดที่น่าโรงสีกลไฟญี่ห้อย่องฮง อำเภอบางกอกใหญ่จังหวัดธนบุรี ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๒๔ แลพระราชบัญญัติเดิรเรือน่านน้ำสยามมาตรา ๓๐๑ กับขอให้ใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าทรัพย์ด้วย ถ้าไม่มีใช้ขอให้จำแทน ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่าเวลานั้นจำเลยถือท้ายเรือยนต์ชื่อหนองแคมาจากระตูน้ำภาษีเจริญ พอใกล้จะถึงที่เกิดเหตุเห็นเรือยนต์ชื่อบางหลวงขวางลำคลองอยู่ จำเลยจะถอยหลังแลหลีกก็ไม่ทัน เรือลำที่จำเลยถือท้ายมาจึงได้ชนเอาเรือยนต์ชื่อบางหลวงที่กลางลำ โดยจำเลยไม่ได้แกล้ง ฯ
ศาลพระราชอาญาพิจาณาแล้วเห็นว่า พยานโจทย์จำเลยต่างสมด้วยกันต้องฟังว่า เหตุที่เรือโดนกันนี้ได้เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุซึ่งฝ่ายจำเลยไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณกรุงเทพฯ เห็นว่า โจทย์มีพยานคือ นายผันนายท้ายเรือกับนายลับ นายพุด แลนายอึ้งผู้โดยสารเรือยนต์ชื่อบางหลวงเบิกความต้องกันว่า เมื่อวันเวลาจะเกิดเหตุเรือยนต์ชื่อบางหลวงแล่นมาถึงโรงสีย่องฮงแวะเรือส่งนายอึ้งขึ้นที่โรงสีย่องฮง แต่พอเรือยนต์ชื่อบางหลวงส่งคนขึ้นแล้วตั้งลำเดิรตรงไป เห็นเรือชื่อหนองแคกำลังแล่นจะสวนทางมา ทันใดนั้นพยานเห็นจำเลยถือท้ายหันหัวเรือชื่อหนองแคตรงเข้าชนเรือยนต์ชื่อบางหลวงถูกที่กลางลำข้างซ้ายจนหัวเรือยนต์ชื่อหนองแคขึ้นไปเกยเสยอยู่บนเรือบางหลวงจนม้าแลเก้าอี้ที่คนนั่งโดยสารมานั้นล้มแตกหักผู้คนในเรือยนต์ชื่อบางหลวงตื่นตกใจล้มหงายล้มคว่ำหัวเข่าถลอกบ้างก็มี แล้วจำเลยจึงได้สั่งให้เดิรเครื่องถอยหลังเรือหนองแค ๆ จึงหลุดจากกันได้ ทั้งจำเลยผู้นี้เคยถือท้ายเรือโดนเรือบบริษัทบางหลวงมาหลายครั้งแล้ว ส่วนเรือยนต์ชื่อบางหลวงแตกหักเสียหายปรากฎอยู่ในคำนายร้อยตำรวจโทถนอมพยานผู้ที่ได้ไปตรวจได้จดไว้ชัดเจนแล้ว ทั้งคลองนั้นก็กว้างใหญ่ ถ้าจำเลยแล่นไปทางขวามือของคนตามธรรมดาแล้วคงจะไม่เกิดโดนกันได้ ในเรื่องนี้ได้ความว่าจำเลยเจตนาแกล้งโดนจนเรือยนต์ชื่อบางหลวงแตกหักเสียหายดังนี้จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๒๔ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ ปี แลให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๙๒ บาทด้วย ถ้าไม่มีเงินใช้ให้จำไถ่โทษวันละ ๑ บาทตามมาตรา ๑๘ ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมปฤกษาเห็นว่า คดีนี้มีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าเรือเกิดโดนกันเพราะเหตุใด ข้อนี้ได้ความตามคำพยานฝ่ายโจทย์หลายปากเบิกความประกอบกันมั่นคงว่า เมื่อเรือยนต์ชื่อบางหลวงแวะส่งคนขึ้นที่น่าโรงสีย่องฮง แล้วเดิรตรงลำไปทางฝั่งขวามือของเรือนั้นได้สักวาหนึ่ง ในขณะนั้นเรือยนต์ชื่อหนองแคที่จำเลยถือท้ายแล่นล่องสวนมาพอใกล้กันจำเลยก็หักหางเสือเรือลำที่ถือท้ายนั้นหัวเรือลำนั้นพุ่งตรงเข้ามาชนเรือยนต์ชื่อบางหลวงถูกที่แคมข้างซ้ายตอนกลางลำแตกหัก แลหัวเรือยนต์ชื่อหนองแคขึ้นไปเกยเสยอยู่ที่รอยแตกนั้น จนจำเลยสั่งให้เดิรเครื่องถอยหลังแล้วเรือจึงหลุดออกไปได้ ฝ่ายพยานจำเลยนั้นถ้อยคำที่เบิกความนั้นแตกต่างกันไม่มีน้ำหนักที่จะฟังว่า เรือเกิดโดนกันเพราะเรือยนต์ชื่อบางหลวงแล่นขวางคลองดังข้อต่อสู้ของจำเลยนั้นได้ เมื่อปรากฎว่าเรือเกิดโดนกันขึ้นเพราะความแกล้งแล้ว จำเลยก็ต้องมีโทษฐานทำให้เรือยนต์ชื่อบางหลวงแตกหักเสียหาย ที่ศาลอุทธรณวางบทกำหนดโทษจำเลยมานั้นสมควรแล้ว ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุที่จะรอดพ้นจากความผิดได้ให้ยกเสีย ให้บังคับคดีไปตามคำตัดสินศาลอุทธรณ ฯ
วันที่ ๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share