คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๙ เวลากลางคืน จำเลยสมคบกันใช้อาวุธปืนยิงนายจง (ชาติจีน) ๑ นัด กระสุนปืนถูกนางสาวอบบุตรีนายจงตาย นายจงถูกกระสุนปืนบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ตำบลระแหง อำเภอเชียงราก จังหวัดประทุมธานี ขอให้ลงโทษจำเลย ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ ฯ
ศาลจังหวัดประทุมธานีพิจารณาคดีแล้ว ทำความเห็นวางบามาตรา ๒๔๙ ลักษณอาญาฐานฆ่าคนด้วยเจตนา ให้ลงโทษจำคุกนายเตี้ยจำเลยตลอดชีวิต นายเทียนไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป อธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑลอยุธยาลงนามเห็นชอบด้วยคำพิพากษาศาลเดิม ฯ
โจทย์ และนายเตี้ยจำเลยอุทธรณ์ ฝ่ายโจทย์ขอให้ลงโทษนายเทียน นายเตี้ยคัดค้านในข้อเท็จจริง ฯ
ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิจารณาเห็นว่าพยานโจทย์เบิกความแตกต่างกันไม่พอจะลงโทษจำเลย แต่คำพยานของนายเตี้ยจำเลยเบิกความสมฐานที่อยู่ จึงพิพากษากลับสัตย์ให้ยกฟ้องโจทย์ ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนนี้แล้ว ได้ความว่าในวันเกิดเหตุนายจง (ชาติจีน) กับนางกิมภรรยานายจงได้นั่งอยู่ในเรือนโรงของนายจง นางกิม ที่ตำบลระแหง เวลานั้นนางสาวอบบุตรีนายจงอายุ ๕ ขวบยืนกอดคอนายจงอยู่ มีผู้ร้ายลอบเอาปืนยิงนายจง ๑ นัด กระสุนปืนถูกนางสาวอบขาดใจตาย นายจงถูกกระสุนปืนที่หัวไหล่มีบาดเจ็บ คดีโจทย์มีประจักษพยานคือ นายจง นางกิมบิดามารดานางสาวอบผู้ตาย เบิกความแตกต่างไม่สมเหตุสมผล ดังศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษได้ยกขึ้นกล่าวอธิบายโดยเลอียด แจ้งอยู่ในคำพิพากษาแล้ว ดังนี้ ฯ
กรรมการศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาโจทย์ร้องขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงในห้องสำนวนมานั้น ไม่พอจะหักล้างคำตัดสินศาลล่างฟังไม่ขึ้น จึงพร้อมกันพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษทุกประการ ให้ยกฎีกาโจทย์เสีย ฯ

Share