คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๕๖ เวลากลางวัน จำเลยกับนายสีผู้ตายได้วิวาทกัน เลิกกันไปครั้งหนึ่งแล้ว ในวันเดียวนั้นนายสีผู้ตายกลับถือมีดขึ้นไปบนเรือนจำเลยอีก จำเลยจึงได้เอาปืนยิงไป ๑ นัด กระสุนปืนถูกนายสีขาดใจตาย เหตุเกิดที่ตำบลช่องแค จังหวัดนครสวรรค์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙-๒๕๐ แล ๒๕๓ ฯ
จำเลยให้การสู้ความว่านายสีผู้ตายถือมีดขึ้นมาฟันจำเลยถึงบนเรือน จำเลยได้เอาปืนแกว่งรับมีดนายสีไว้ ผะเอิญปืนลั่นถูกนายสีตาย
พิจารณาได้ความว่าในวันที่โจทย์หานั้น นายสีผู้ตายเมาสุรามีมีดเหน็บขัดเอว ๑ เล่มกับถือพร้าหวดมายืนท้าทายจะทำร้ายจำเลยในเวลานั้นมีผู้ห้ามพาเอานายสีผู้ตายไป ในไม่ช้านักนายสีกลับถือมีดมายืนท้าจำเลยอีกใหม่ ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาตอนหลังนี้ ควรฟังเปนความจริงว่านายสีผู้ตายถือมีดขึ้นไปบนเรือนไล่ฟันจำเลย ๆ จึงได้เอาปืนยิงถูกนายสีตกจากเรือนถึงแก่ความตาย ศาลมณฑลนครสารรค์ตัดสินว่าจำเลยได้ฆ่านายสีตายโดยเปนการป้องกันเกินกว่าเหตุ ยกบทมาตรา ๒๔๙-๕๓ ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี ฯ
จำเลยฟ้องอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิจารณาเห็นว่านายสีผู้ตายอุกอาจถือสาตราขึ้นไปไล่ทำร้ายจำเลยถึงบนเรือน จำเลยจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงนายสีถึงตาย ควรวินิจฉัยได้ว่าจำเลยทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๕๐ จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ จึงพิพากษาให้กลับคำตัดสินศาลมณฑลนครสวรรค์แลยกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า นายสีเมาสุราถือมีดพร้าขึ้นไปไล่ฟันจำเลยถึงบนเรือน เปนการจำเปนจำเลยจึงได้เอาปืนยิงนายสีตาย ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษได้วินิจฉัยว่าจำเลยทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ยกบทมาตรา ๕๐ ไม่ลงโทษจำเลยนั้นถูกต้องแล้วให้ยกฎีกาโจทย์เสีย ฯ

Share