คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 76 วรรคสอง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสน ห้าหมื่นบาท จะลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 วรรคแรก และวางโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานนี้เพียง 5 เดือน จึงเป็นการไม่ชอบ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 26, 66, 67, 76, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 26, 66 (ที่ถูกเป็น66 วรรคแรก), 67, 76 ลงโทษฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 20 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี รวมจำคุก22 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมาโดยตลอด เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 11 ปี ริบของกลางทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 15 ปี ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 5 เดือน รวมเป็นจำคุก 15 ปี 5 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นคำคุก 7 ปี 8 เดือน15 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยวางโทษจำคุกจำเลย 5 เดือน นั้นชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าในความผิดฐานนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชาของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76วรรคสอง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76วรรคแรก และวางโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานนี้เพียง 5 เดือน จึงเป็นการไม่ชอบ…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76 วรรคสอง ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี เมื่อรวมกับโทษฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งจำคุก7 ปี 6 เดือนแล้ว เป็นจำคุกจำเลย 8 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share