คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จ.มิได้ยกที่ดินมีโฉนดเฉพาะส่วนของตนให้จำเลยเมื่อจ.ถึงแก่กรรมที่ดินดังกล่าวจึงเป็นมรดกตกได้แก่ทายาทคือ โจทก์ทั้งสองและจำเลยกับบุตรคนอื่นรวม 8 คนการที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมในที่ดินโฉนดดังกล่าวได้ครอบครองที่ดินแปลงนั้นต่อมาหลังจากจ.ถึงแก่กรรมถือได้ว่าจำเลยได้ครอบครองแทนโจทก์ทั้งสองและทายาทคนอื่นของจ.ด้วย แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินแปลงนั้นมานานเท่าใดที่ดินแปลงนั้นก็หาได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียวไม่โจทก์ทั้งสองและทายาทอื่นของ จ.ย่อมมีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินเฉพาะส่วนของจ.อยู่คนละ 1 ใน 8 ส่วน คำสั่งศาลที่แสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะส่วนของ จ.จึงไม่ผูกพันโจทก์ทั้งสอง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน โดยเป็นบุตรนายเจี๊ยบ นางจันทร์ เอี่ยมศรีนายเจี๊ยบถึงแก่กรรมไปนานแล้ว นางจันทร์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่27 กันยายน 2515 ก่อน ถึงแก่กรรมนางจันทร์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินโฉนดเลขที่ 9568 ตำบลบ้านลำ อำเภอวิหารแดงจังหวัดสระบุรี เนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา เมื่อนางจันทร์ถึงแก่กรรม ส่วนของนางจันทร์ครึ่งหนึ่งเป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน76.5 ตารางวา เป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ทั้งสองและจำเลยร่วมกันคนละ1 ส่วน เท่ากัน ประมาณคนละ 225.5 ตารางวา ราคา 45,100 บาทหลังจากนางจันทร์ถึงแก่กรรมโจทก์ทั้งสองและจำเลยได้ร่วมกันครอบครองที่ดินโฉนดดังกล่าวตลอดมาครั้นวันที่ 14 เมษายน 2529 จำเลยได้ไปร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดนี้ต่อศาล อ้างว่าได้รับการยกให้จากนางจันทร์โดยไม่ได้จดทะเบียนยกให้ และจำเลยได้ครอบครองที่ดินแปลงนี้จนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้ว ความจริงเมื่อนางจันทร์ถึงแก่กรรมโจทก์ทั้งสองและจำเลยได้ครอบครองที่ดินเฉพาะส่วนของนางจันทร์ร่วมกันและแทนกันตลอดมาอย่างเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมการที่จำเลยนำที่ดินส่วนของโจทก์ทั้งสองไปร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ต่อศาล โจทก์ทั้งสองไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย เมื่อศาลมีคำสั่งว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของนางจันทร์แล้วจำเลยได้นำคำสั่งศาลไปจดทะเบียนเป็นชื่อของจำเลยแต่ผู้เดียว เป็นการแย่งเอาที่ดินในส่วนของโจทก์ทั้งสองไปโดยมิชอบ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 9568ตำบลบ้านลำ อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี เนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน53 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสอง เนื้อที่ 1 ไร่51 ตารางวา ให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนใส่ชื่อโจทก์ทั้งสองในโฉนดที่ดินโดยให้โจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันไม่น้อยกว่า 1 ไร่ 51 ตารางวาหากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นบุตรสาวที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกับนางจันทร์มารดาจนกระทั่งนางจันทร์ถึงแก่กรรม โจทก์ทั้งสองเป็นพี่สาวจำเลยได้แต่งงานและแยกไปอยู่กับสามีตั้งแต่นางจันทร์ยังมีชีวิตอยู่ จำเลยกับนางจันทร์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินโฉนดพิพาทคนละกึ่งหนึ่ง เมื่อต้นปี 2515 นางจันทร์ได้ยกที่ดินเฉพาะส่วนของตนให้แก่จำเลย โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นับแต่ได้รับการยกให้จำเลยได้ครอบครองที่ดินส่วนที่ได้รับการยกให้ รวมกับส่วนของจำเลยที่มีอยู่เดิมทั้งแปลงโดยการปลูกสร้างยุ้งข้าว และต่อมาได้ให้ผู้มีชื่อเข้าไปตั้งบ้านเรือนอาศัยทำกินอยู่ในที่ดินแปลงนี้จำเลยได้ครอบครองโดยความสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งสิทธิของจำเลย โจทก์ทั้งสองไม่เคยเข้าครอบครองหรือร่วมกันครอบครองกับจำเลย ทั้งไม่มีการครอบครองแทนกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 9568 ตำบลบ้านลำอำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี โดยให้โจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมคนละหนึ่งในแปดส่วนของที่ดินเฉพาะส่วนที่เป็นของนางจันทร์เอี่ยวมศรี หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
โจทก์ทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงกันเป็นอันฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยเป็นบุตรของนายเจี๊ยบ นางจันทร์เอี่ยมศรี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน นางเจี๊ยบถึงแก่กรรมก่อนนางจันทร์ โจทก์ทั้งสองกับบุตรคนอื่นต่างแต่งงานแยกครอบครัวออกไปแล้ว คงเหลือแต่จำเลยและนางสาวอรุณ เอี่ยมศรีน้องสาวคนสุดท้องที่ยังไม่ได้แต่งงาน และอยู่อาศัยที่บ้านเดียวกับนางจันทร์ตลอดมา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2515 นางจันทร์ได้ถึงแก่กรรม ก่อนถึงแก่กรรม นางจันทร์มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 9568 ตำบลบ้านลำ อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี เนื้อที่3 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา กับจำเลยคนละกึ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 14เมษายน 2529 จำเลยได้ไปยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดดังกล่าวเฉพาะส่วนของนางจันทร์ อ้างว่าได้รับการยกให้จากนางจันทร์โดยไม่ได้จดทะเบียนยกให้ และจำเลย ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมาเป็นเวลากว่าสิบปีจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้วในที่สุดศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 9568 ดังกล่าว เฉพาะส่วนของนางจันทร์ตามกฎหมายแล้ว ตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 247/2529 ของศาลชั้นต้น หลังจากนั้นจำเลยได้นำคำสั่งศาลดังกล่าวไปจดทะเบียนสิทธิในที่ดินโฉนดเลขที่ 9568 ดังกล่าวเฉพาะส่วนของนางจันทร์เป็นกรรมสิทธิ์ของตนแต่ผู้เดียว
ปัญหาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 9568 เฉพาะส่วนของนางจันทร์ เป็นมรดกหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นางจันทร์มิได้ยกที่ดินโฉนดเลขที่ 9568 เฉพาะส่วนของตนให้จำเลย เมื่อนางจันทร์ถึงแก่กรรม ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นมรดกได้แก่ทายาทคือโจทก์ทั้งสองและจำเลยกับบุตรคนอื่นรวม 8 คน การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมในที่ดินโฉนดดังกล่าวได้ครอบครองที่ดินแปลงนั้นต่อมาหลังจากนางจันทร์ถึงแก่กรรม ถือได้ว่า จำเลยได้ครอบครองแทนโจทก์ทั้งสองและทายาทคนอื่นของนางจันทร์ด้วย แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินแปลงนั้นมานานเท่าใดที่ดินแปลงนั้นก็หาได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียวไม่โจทก์ทั้งสองและทายาทอื่นของนางจันทร์ย่อมมีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินเฉพาะส่วนของนางจันทร์อยู่คนละ 1 ใน 8 ส่วน คำสั่งศาลในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 247/2529 ของศาลชั้นต้นที่แสดงว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะส่วนของนางจันทร์ไม่ผูกพันโจทก์ทั้งสอง
พิพากษายืน

Share