แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยมิได้ฟ้องฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ได้ความจากร้อยตำรวจเอก ส. ว่า ขวดพลาสติกพร้อมหลอดโลหะของกลางเป็นอุปกรณ์สำหรับเสพเมทแอมเฟตามีน ดังนั้น ขวดพลาสติกพร้อมหลอดโลหะของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ริบขวดพลาสติกพร้อมหลอดโลหะของกลางนั้น จึงไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบเมทแอมเฟตามีนขวดพลาสติดพร้อมหลอดโลหะของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติกให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม)), 66 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่)), 67 (ที่ถูก ไม่ต้องปรับบทมาตรา 7) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย จำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาของจำเลยที่ว่า คดีนี้โจทก์มีเพียงร้อยตำรวจเอกสันติ กับสิบตำรวจเอกเฉลิม เป็นพยานเบิกความยืนยันความผิดของจำเลย ไม่มีพยานบุคคลอื่นสนับสนุน ทั้งๆ ที่มีเจ้าพนักงานตำรวจอีกหลายคนที่ร่วมจับกุมจำเลย ความจริงแล้วคดีนี้ไม่มีการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย ธนบัตรฉบับละ 500 บาท ของกลาง เจ้าพนักงานตำรวจค้นเอาธนบัตรจากตัวจำเลยไปถ่ายเอกสารแล้วให้จำเลยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาเอกสาร ส่วนบันทึกการจับกุม ภาพถ่ายที่ให้จำเลยยืนชี้หน้ารถของจำเลยและสถานที่เกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจกำกับให้จำเลยกระทำตามทั้งสิ้น จำเลยกระทำไปด้วยความซื่อไม่ขัดใจเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อจะได้ประกันตัวไป จำเลยไม่เคยมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมาก่อน หากจำเลยลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีจริง เมทแอมเฟตามีนที่ยึดได้น่าจะมีจำนวนมากกว่านี้ มิใช่ยึดได้เพียง 8 เม็ด ทั้งเมทแอมเฟตามีนจำนวน 8 เม็ด สายลับล่อซื้อในราคา 500 บาท เมื่อคำนวณราคาตกเม็ดละ 62.50 บาท ซึ่งพยานโจทก์ก็ทราบว่าต้นทุนเมทแอมเฟตามีนมีราคาเม็ดละ 80 บาท ถึง 100 บาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่จำเลยจะจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับเม็ดละ 62.50 บาท นอกจากนี้เมทแอมเฟตามีนที่สิบตำรวจเอกเฉลิมอ้างว่าตรวจค้นพบในรถยนต์บรรทุกของจำเลย ไม่สามารถยืนยันได้ว่าตรวจคันได้ที่คอนโซลรถหรือกล่องเก็บของหน้ารถ ไม่แน่ชัดว่าสิบตำรวจเอกเฉลิมนำเมทแอมเฟตามีนมาจากที่ใด แต่อ้างว่าพบในรถยนต์บรรทุกของจำเลยแล้วบีบบังคับให้จำเลยรับสารภาพ จำเลยเข้าใจว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนของเด็กท้ายรถที่มีไว้ร่วมกันเสพจึงยอมรับสารภาพโดยไม่มีการขอหมายค้นจากศาล พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่มีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยได้นั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้โดยชอบด้วยเหตุผล และเมื่อพิจารณาฎีกาทั้งฉบับแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงผลคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 219 วรรคสอง และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23
อนึ่ง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยมิได้ฟ้องฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ได้ความจากร้อยตำรวจเอกสันติ ว่า ขวดพลาสติกพร้อมหลอดโลหะของกลางเป็นอุปกรณ์สำหรับเสพเมทแอมเฟตามีน ดังนั้น ขวดพลาสติกพร้อมหลอดโลหะของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ริบขวดพลาสติกพร้อมหลอดโลหะของกลางนั้นจึงไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบขวดพลาสติกพร้อมหลอดโลหะของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1