คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นทนายว่าความให้จำเลย เมื่อพฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นที่แน่ว่าโจทก์ทำงานให้จำเลยโดยมีสินจ้างมิใช่ทำให้เปล่า แม้จะฟังไม่ได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบจำนวนค่าจ้างมา ศาลก็กำหนดสินจ้างให้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ว่าความเรื่องหนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งนายกุนดันซิงห์ทำให้จำเลยไว้ 2,596,074.16 บาท ตกลงค่าจ้างว่าความว่า ถ้าคดีชนะในชั้นที่สุดจำเลยจะจ่ายค่าทนายความตามที่ศาลสั่งให้ทั้งหมดแก่โจทก์และจำเลยจะให้เงินอีกจำนวนหนึ่งเท่ากับราคารถยนต์เบนซ์ 190 ใหม่ 1 คัน ราคา 120,000 บาท คดีแพ้ก็เป็นพับไป โจทก์เป็นทนายดำเนินคดีให้จำเลยจนชนะทั้ง 3 ศาล จำเลยได้รับเงินค่าทนายความที่นายกุนดันซิงห์วางศาลไว้แล้ว 70,000 บาท รถยนต์เบนซ์และค่าทนายความชั้นศาลฎีกาจำเลยยังไม่จ่ายให้ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าทนายความ 35,000 บาท และค่ารถยนต์เบนซ์ 120,000 บาท กับดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยให้หลวงอรรฆพัสดุการเป็นทนาย แต่หลวงอรรฆฯ มอบให้โจทก์ว่าคดีแทน คิดค่าจ้างร้อยละ 5 ของทุนทรัพย์ที่จะได้รับจากจำเลยคดีนั้น จำเลยชำระแล้ว 20,000 บาท ค่าทนายที่จะได้รับจากศาลเป็นของจำเลย คดีขาดอายุ สัญญาจ้างว่าความคิดค่าจ้างเป็นส่วนของเงินที่ชนะความตกเป็นโมฆะ จำเลยชำระเงินไปแล้วรวมเป็นเงิน 110,000 บาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 100,000 บาท

โจทก์ จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อตกลงคิดค่าจ้างตามส่วนของทุนทรัพย์ที่จะได้รับในคดีเป็นการแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินอันเป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความ ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2477มาตรา 12(2) ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเป็นโมฆะ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาไม่เชื่อพยานโจทก์ที่นำสืบถึงค่าจ้างตามจำนวนในข้อตกลงด้วยวาจาดังฟ้องได้ ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าได้ตกลงจ้างหลวงอรรฆฯ ก็ฟังเป็นความจริงไม่ได้

พฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นที่แน่ใจว่าโจทก์ทำงานให้จำเลยโดยมีสินจ้าง มิใช่ทำให้เปล่า แม้จะฟังไม่ได้ทั้งตามที่โจทก์จำเลยนำสืบจำนวนค่าจ้างมาศาลฎีกาจึงกำหนดสินจ้างในคดีนี้ 120,000 บาท ส่วนค่าทนายที่ศาลกำหนดให้นี้ก็ฟังไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงกันให้เป็นของโจทก์ เงินที่จำเลยจ่ายให้โจทก์รับไป 70,000 บาท จึงถือว่าเป็นค่าจ้างที่โจทก์รับไปส่วนหนึ่ง และฟังว่าได้มีการรับเงินจากจำเลยไปตั้งแต่แรกตกลงรับเป็นทนาย 20,000 บาท ระหว่างดำเนินคดีได้มีการจ่ายเงินกันอีก 20,000 บาท จำเลยจึงต้องจ่ายให้โจทก์อีก 10,000 บาท

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์10,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จ

Share