คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การออกเช็คแลกเงินสดไม่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย อันจะเป็นความผิดตามมาตรา 4แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังที่จำเลยออกเช็คแลกเงินสด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดต่อไป ตาม ป.อ.มาตรา 2 วรรคสอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสาวศรีวิลัย กุณโม ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 จำคุก 6 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่จะวินิจฉัยมีว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ นอกจากโจทก์ร่วมเบิกความเป็นพยานแล้วมีนายสุพจน์ เพชรตระกูลชาติ เบิกความเป็นพยานสนับสนุนว่า เมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคม 2530 จำเลยมาหาโจทก์ร่วมที่บ้านแจ้งว่ากำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ขอนำเช็คมาแลกเงินสดจากโจทก์ร่วมเป็นเงิน 52,000 บาท เพื่อนำไปหมุนเกี่ยวกับการค้าโดยจำเลยเขียนเช็คต่อหน้าโจทก์ร่วมและนายสุพจน์ ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2530จำนวนเงิน 52,000 บาท คือ เช็คพิพาทนี้…ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความตามฟ้องและทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมว่าจำเลยออกเช็คพิพาทแล้วขอแลกเงินสดไปจากโจทก์ร่วม การออกเช็คแลกเงินสดดังกล่าวก็มิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายอันจะเป็นความผิดได้ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังที่จำเลยออกเช็คแลกเงินสด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดต่อไป จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 วรรคสอง”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.

Share