คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหญิงมีอายุถึง 54 ปีแล้ว และไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อน กัญชาของกลางที่จำเลยผลิตโดยการปลูกและมีไว้ในครอบครองก็เป็นต้นกัญชาเพียง 7 ต้น ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรปรานีรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 56.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 75, 76, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 7, 8 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 75 (ที่ถูกเป็น75 วรรคหนึ่ง), 76 (ที่ถูกเป็น 76 วรรคหนึ่ง), 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 7, 8 ลงโทษบทหนักฐานผลิตกัญชา จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ10,000 บาท จำเลยเป็นหญิงไม่เคยทำผิดมาก่อน อายุมากแล้ว ให้โอกาสเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56แต่กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษให้จำเลยและไม่ลงโทษปรับ กับจำเลยไม่ต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤตินอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นหญิงมีอายุถึง 45 ปีแล้ว และไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อน กัญชาของกลางที่จำเลยผลิตโดยการปลูกและมีไว้ในครอบครองก็เป็นต้นกัญชาเพียง 7 ต้น ซึ่งเป็นจำนวนไม่มาก ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรปรานีรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share