แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 6 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลย 1 เดือน ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่คุมความประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยได้ชำระค่าปรับและรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติอันเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นไม่ปรับ จำเลยย่อมขอรับเงินค่าปรับที่ชำระไปแล้วคืนได้ ส่วนการรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเป็นวิธีการแก้ไขไม่ให้จำเลยไปกระทำความผิดอีก มิใช่การลงโทษตามกฎหมาย ไม่ถือว่าจำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นเกินกว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 กำหนด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 , 83 , 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 9 เดือน และปรับ 3,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 (ที่ถูก ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า)
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำคุก 1 เดือน ไม่ลดโทษให้ ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่คุมความประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ผู้เสียหายถูกพวกของจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงประทุษร้ายได้รับบาดเจ็บจนล้มลงนอนที่พื้น แม้จำเลยมิได้ร่วมกับพวกใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายก็ตาม แต่การที่จำเลยเข้าไปเตะผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมากนั้นอาจเป็นผลให้ผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้ พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าร้ายแรง ที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกาว่า จำเลยได้ชำระค่าปรับและรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ อันเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว หากจำเลยถูกจำคุกอีก 1 เดือน ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 จำเลยจะต้องรับโทษหนักขึ้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ก็ยังคงอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามฟ้อง คดีจึงยังไม่ถึงที่สุด ศาลอุทธรณ์ภาค 9 จึงยังอาจใช้ดุลพินิจเปลี่ยนแปลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ ส่วนค่าปรับที่จำเลยชำระไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยย่อมขอรับเงินค่าปรับที่ชำระไปแล้วคืนได้ กรณีไม่ถือว่าจำเลยจะต้องรับโทษหนักขึ้นตามที่จำเลยฎีกา และที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดาที่ชราภาพแล้วก็เป็นเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัวของจำเลย ซึ่งบุคคลทั่วไปในสถานะเช่นเดียวกันกับจำเลยต่างมีภาระหน้าที่ดังกล่าวเช่นเดียวกัน พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.