แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2546 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 57197 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยทั้งสองจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่อุทธรณ์ ต่อมาในชั้นบังคับคดี โจทก์ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนองออกขายทอดตลาดแต่ยังขายไม่ได้ โจทก์จึงยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20483 และ 20484 กับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่1920 โดยโจทก์เพิ่งยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2556 อันเป็นการร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาชั้นที่สุดสำหรับคดีนี้แล้ว ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าศาลชั้นต้นได้ขยายระยะเวลาการบังคับคดีให้โจทก์ ดังนี้ คำขอของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยระยะเวลาในการร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดียึดโฉนดที่ดินเลขที่ 20483 และ 20484 กับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่1920
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 583,115.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.50 ต่อปี ของต้นเงิน 522,163.67 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 57197 ตำบลคูคต (คลอง 3 ตก) อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี (ธัญบุรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองดังกล่าวออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา แต่ยังขายไม่ได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดี และมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินทั้งสามแปลงไว้ก่อน จนกว่าจะขายทอดตลาดทรัพย์จำนองเสร็จสิ้นและได้เงินไม่พอชำระหนี้จึงค่อยนำทรัพย์ที่ยึดไว้ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ต่อไป
จำเลยทั้งสองยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยทั้งสองตามคำร้องของโจทก์ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องดำเนินการบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20483และเลขที่ 20484 ตำบลหนองสรวง อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1920 ตำบลด่านใน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ตามคำขอของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า สำหรับที่ดินสามแปลงนี้โจทก์เพิ่งยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2556 ตามคำร้อง อันเป็นการร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาชั้นที่สุดสำหรับคดีนี้แล้ว อีกทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าศาลชั้นต้นได้ขยายระยะเวลาการบังคับคดีให้แก่โจทก์ ดังนี้ คำขอของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยระยะเวลาในการร้องขอให้บังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 บัญญัติไว้ โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20483, 20484 ตำบลหนองสรวง อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา ของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 กับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1920 ตำบลด่านใน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ของจำเลยที่ 2 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นโดยให้ยก คำร้องของโจทก์มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา และคดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินสามแปลงนี้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่คำพิพากษากำหนดไว้หรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.