แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม จำเลยเพียงแต่ได้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจาก ส. และกำลังใช้ไขควงไขน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีน1 เม็ด จากจำนวน 20 เม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดกาแฟซุกซ่อนอยู่ในฝาครอบไฟท้ายออกมาส่งมอบให้แก่ ส. จำเลยยังมิได้แยกเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด ออกจากหลอดกาแฟมาส่งมอบให้แก่ ส. การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยกับ ส. ยังไม่สำเร็จบริบูรณ์จึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 20 เม็ด น้ำหนัก 1.790 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่ายโดยขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ดแก่ผู้มีชื่อในราคา 150 บาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 ประกอบมาตรา 15 (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทั้งฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกคนละกระทงละ 5 ปีรวมเป็นจำคุกคนละ 10 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปีริบของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ก่อนรวมโทษ ให้ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78แล้ว ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกกระทงละ 2 ปี6 เดือน รวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี 12 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยที่ 2 ฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 เฉพาะข้อ 2.2อันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้ออื่นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ คดีจึงมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ในข้อ 2.2 เพียงข้อเดียวว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องกระทงหลังสำเร็จแล้วหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 ทั้งนี้โดยศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองตกลงจะขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ให้แก่นายสุชาติ ผิวผ่อง ในราคา 150 บาท และรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจากนายสุชาติไว้แล้ว แต่ขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังใช้ไขควงไขน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางซึ่งภายในมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด บรรจุอยู่ในหลอดกาแฟซุกซ่อนอยู่เพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ออกมามอบให้แก่นายสุชาติก็ถูกสิบตำรวจโทจีรพนธ์ บริรักษ์ กับพวกจับกุมเสียก่อน ซึ่งจำเลยที่ 2 ฎีกาว่าแม้จะมีการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด และมีการชำระราคากันแล้ว แต่ยังไม่มีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้ซื้อ ความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจึงยังไม่สมบูรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะที่จำเลยทั้งสองถูกสิบตำรวจโทจีรพนธ์กับพวกจับกุมนั้น จำเลยที่ 1 เพียงแต่ได้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจำนวน 150 บาท ไว้จากนายสุชาติและกำลังใช้ไขควงไขน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด จากจำนวน 20 เม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดกาแฟซุกซ่อนอยู่ในฝาครอบไฟท้ายออกมาส่งมอบให้แก่นายสุชาติ แต่ขณะถูกจับกุมจำเลยทั้งสองยังมิได้แยกเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ออกจากหลอดกาแฟมาส่งมอบให้แก่นายสุชาติ การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยกับนายสุชาติจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ดังกล่าวเท่านั้น ทั้งนี้ ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2531 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดอุบลราชธานี โจทก์นายพิชัย ไชยยะนาค จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยว่า การซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นสมบูรณ์เป็นความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จตามกฎหมายแล้ว จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น แต่เนื่องจากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาได้ด้วย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้องกระทงหลังเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดฐานนี้ 1 ปี 8 เดือน เมื่อรวมโทษของจำเลยทั้งสองในความผิดฐานนี้เข้ากับโทษของจำเลยทั้งสองในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี14 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2