คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทจำเลยที่ 3 ทำการก่อสร้างถนนโดยได้ทำสัญญารับจ้างกับกรมทางหลวงตามรายการต่อท้ายสัญญาจ้าง ปรากฏว่าถนนที่ซ่อมและทำใหม่ตามแบบกว้าง 12 เมตร เป็นผิวจราจร 7เมตร เป็นไหล่ถนนข้างละ 2 เมตรครึ่ง บริษัทจำเลยที่ 3 ต้องซ่อมแซมทั้งผิวจราจรและต้องเอาดินลูกรังถมไหล่ถนนให้สูงขึ้นด้วย และเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ อันเกิดแก่อาคารที่อยู่ใกล้เคียง หรือบุคคลภายนอกเนื่องจากการกระทำใดๆ ในงานนี้ ต้องให้การจราจรผ่านไปมาได้โดยสะดวก และจะต้องทำและติดตั้งป้ายจราจรเครื่องหมาย ไม้กั้น และสิ่งประกอบอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรตั้งแต่เริ่มงานก่อสร้างจนกระทั่งงานเสร็จ แต่บริษัทจำเลยที่ 3 ไม่ติดตั้งป้ายหรือเครื่องหมายเตือนผู้ขับขี่รถให้ทราบว่ามีการก่อสร้างซ่อมถนนอยู่ข้างหน้า ไม่รดน้ำไหล่ถนนที่ถมด้วยดินลูกรังซึ่งตนซ่อมแซมอยู่ เป็นเหตุให้เกิดฝุ่นตลบ อันเป็นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งขับรถของจำเลยที่ 2ผู้เป็นนายจ้าง สวนทางกับรถโจทก์ในถนนตรงนั้น ขับแซงรถคันอื่นเข้าชนรถโจทก์ด้วยความประมาท ทำให้รถโจทก์เสียหาย บริษัทจำเลยที่ 3 ก็ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้กระทำต่อโจทก์ด้วย จะอ้างว่าไม่จำเป็นต้องรดน้ำไหล่ถนนให้ชุ่มอยู่เสมอ เพราะการรดน้ำก็เพื่อจะทำให้ดินแน่นเท่านั้น ไม่ใช่ถึงขนาดไม่ให้มีฝุ่น ดังนี้ หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลและเป็นเจ้าของรถยนต์จี๊ปแลนด์โรเวอร์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ด 32383 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน น.ฐ.02397 สำหรับรับจ้างบรรทุกหิน จำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลโดยจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม2510 เวลากลางวัน นายเอนก ศัยนันท์ ได้ขับรถยนต์ของโจทก์พร้อมกับพวกรวม 11 คนกลับจากราชการจังหวัดพระนคร มาตามถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปจังหวัดขอนแก่น เมื่อมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 117 อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างถนนตอนนั้นจากกรมทางหลวงแผ่นดิน และกำลังก่อสร้างอยู่ จำเลยที่ 3 ไม่ปิดเครื่องหมายแสดงให้เห็นว่าถนนตอนนั้นกำลังก่อสร้างทั้งไม่รดน้ำตามไหล่ถนนที่ถม ปล่อยให้ฝุ่นฟุ้งเวลารถยนต์แล่นผ่านเป็นเหตุให้รถยนต์ที่แล่นผ่านมองไม่เห็นทางข้างหน้า เป็นการประมาทเลินเล่อ ทั้งไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับกรมทางหลวงแผ่นดิน ขณะนั้นจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาท ได้ขับขี่รถยนต์แซงรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่งขึ้นมาทั้ง ๆ ที่มีฝุ่นฟุ้งมองไม่เห็นทางและขับกินทางมาทางขวาของทาง เนื่องจากไม่มีเครื่องหมายแสดงว่าถนนกำลังก่อสร้างอยู่ และมีฝุ่นฟุ้งตลบมอบทางข้างหน้าไม่เห็นรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับจึงแล่นเข้าชนรถยนต์โจทก์ในเส้นทางของรถโจทก์เต็มแรงทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายทั้งคัน ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 70,250 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าชำระเงินเสร็จ

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 3 ให้การรับว่าได้รับเหมาก่อสร้างทางบริเวณที่โจทก์ฟ้องแต่ไม่ได้ประมาทเลินเล่อดังโจทก์กล่าวหา จำเลยที่ 3 ได้ทำเครื่องหมายเพื่อให้ทราบว่าเป็นบริเวณก่อสร้างทาง และได้รดน้ำที่ไหล่ถนนตามหลักการสร้างทางแล้ว เหตุที่รถชนกันเกิดจากการขับรถโดยประมาทของผู้ขับรถของโจทก์และจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 3 ไม่ได้รดน้ำ และไม่มีป้ายบอกไว้ว่าทางกำลังก่อสร้าง จึงมีส่วนในการประมาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 70,250 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันละเมิดจนกว่าจะใช้เงินเสร็จและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 300 บาทแทนโจทก์

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำของนายจารึกพยานจำเลยประกอบกับรายการละเอียดควบคุมการก่อสร้าง หมาย ป.จ.1 อันเป็นรายการต่อท้ายสัญญาจ้างทำการก่อสร้างหมาย ป.จ.2 ซึ่งกรมทางหลวงผู้ว่าจ้างและบริษัทจำเลยที่ 3 ผู้รับจ้างได้ลงนามกำกับและแนบติดสัญญาไว้ ปรากฏว่าถนนที่ซ่อมและทำใหม่ตามแบบกว้าง 12 เมตร เป็นผิวจราจร 7 เมตรเป็นไหล่ถนน 2 ข้าง ๆ ละ 2 เมตรครึ่ง บริษัทจำเลยที่ 3 ผู้รับจ้างต้องซ่อมแซมทั้งผิวจราจร และต้องเอาดินลูกรังถมไหล่ถนนให้สูงขึ้นด้วย ผู้รับจ้างเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดแก่อาคารที่อยู่ใกล้เคียงหรือบุคคลภายนอก เนื่องจากการกระทำใด ๆในงานนี้ ผู้รับจ้างต้องให้การจราจรผ่านไปมาได้โดยสะดวกตั้งแต่เริ่มงานก่อสร้างจนกระทั่งงานแล้วเสร็จบริบูรณ์ และผู้รับจ้างจะต้องทำและติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมาย ไม้กั้น และสิ่งประกอบอื่น ๆ ตามแบบของกรมทางหลวง เพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรตั้งแต่เริ่มงานก่อสร้างจนกระทั่งงานแล้วเสร็จบริบูรณ์ ข้อสำคัญหรือรายละเอียดในการก่อสร้างนี้ นายสถิตย์ พรหมสุทธิ กรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยที่ 3 เบิกความเป็นพยานจำเลยว่า บริษัทต้องถือโดยเคร่งครัดดังนี้ การที่จำเลยที่ 3 ไม่ติดตั้งป้ายจราจรดังข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัย และไม่รดน้ำไหล่ถนนที่ถมด้วยดินลูกรังซึ่งตนทำการซ่อมแซมอยู่ จนเป็นเหตุให้เกิดฝุ่นตลบ จึงเป็นการที่จำเลยที่ 3 ได้กระทำผิดต่อหน้าที่ที่ตนจะต้องกระทำให้ถูกต้อง เมื่อการกระทำผิดต่อหน้าที่ดังกล่าวของจำเลยที่ 3 เป็นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้รถของจำเลยที่ 2 ชนกับรถโจทก์ จำเลยที่ 3 ก็ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้กระทำต่อโจทก์ด้วย คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 250 บาท แทนโจทก์

Share