แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยพูดต่อว่าและให้ผู้ตายซึ่งติดเฮโรอีนออกไปจากบ้านแล้วเกิดโต้เถียง กัน ขณะนั้นมีนาย ถ. คนรู้จักกันอยู่ที่บ้านจำเลยด้วยตอนจะออกไปผู้ตายพูดว่า “ทีใครทีมัน อย่าไปถิ่นกูก็แล้วกัน” จำเลยโมโห จึงตามผู้ตายไป มีนาย ถ. ตามไปด้วย ครั้นวิ่งไล่เข้าไปในกระต๊อบของนาง ป. จำเลยใช้ไม้ขนาดเท่าหัวแม่มือ ยาวประมาณ1 ศอก ตีศีรษะผู้ตาย 1 ที บาดแผลฉีก กะโหลกศีรษะไม่มีรอยแตกร้าวนาย ถ.แทงผู้ตาย1ทีถูกที่ตับ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายเมื่อนาง ป. ร้องให้คนช่วย จำเลยกับนาย ถ. วิ่งหนีไปทางเดียวกันไม่ปรากฏว่าการโต้เถียง มีความรุนแรงถึงกับทำให้จำเลยโกรธแค้นเพียงใด ไม่ได้ความว่าจำเลยวางแผนหรือชักชวนหรือบอกให้นาย ถ.ไปร่วมฆ่าผู้ตาย เป็นเรื่องนาย ถ. ตามไปเอง ไม้ที่จำเลยใช้ตีไม่ใหญ่โต ถึงขนาดใช้ตีให้เกิดแผลฉกรรจ์ถึงตาย ได้ ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบร่วมกันกับพวกฆ่าผู้ตายโดยเจตนา กรณีเป็นเรื่องต่างคนต่างทำ จำเลยคงต้องรับผิดจากผลเฉพาะ ที่ตน กระทำจึงเป็นเพียงทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 83 จำคุก 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 วางโทษจำคุก 15 ปี คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงให้จำคุกจำเลย 10 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้ฟังได้แล้วว่า จำเลยใช้ไม้ตีผู้ตาย 1 ที ตามรายงานของแพทย์ท้ายฟ้องว่าผู้ตายถูกตีที่หน้าผากด้านขวาชิดขอบผมในแนวหางคิ้ว บาดแผลฉีกตามขวางขอบไม่เรียบ ยาว 2 เซนติเมตร กว้าง 0.7 เซนติเมตรลึกถึงกล้ามเนื้อมีเลือดออกในกล้ามเนื้อตรงกับบาดแผล กระโหลกศีรษะไม่มีรอยแตกร้าวแพทย์ลงความเห็นว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะแผลถูกแทงที่ตับจากข้างหน้าไปถึงข้างหลังเนื่องจากเสียโลหิตมาก ปัญหาที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่าจำเลยสมคบกับพวกฆ่าผู้ตายโดยเจตนาหรือไม่ โจทก์คงมีเฉพาะนางประทุม อ่อนสาย เป็นประจักษ์พยานคนเดียวซึ่งเห็นเหตุการณ์ในตอนจำเลยกับพวกทำร้ายผู้ตายโจทก์ไม่มีพยานมาสืบถึงสาเหตุและความเป็นมาในเรื่องนี้เพียงได้ความจากคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.6 ว่าจำเลยเคยห้ามผู้ตายซึ่งติดเฮโรอีนไม่ให้เข้าบ้านเพื่อมาพบน้องชายของจำเลยโดยน้องชายของจำเลยเป็นเพื่อนของผู้ตาย วันเกิดเหตุผู้ตายมาที่บ้านจำเลยอีก จำเลยพูดต่อว่าและให้ผู้ตายออกไปจากบ้านแล้วเกิดโต้เถียงกัน ขณะนั้นมีนายถิ่นคนรู้จักกันอยู่ที่บ้านจำเลยด้วย ตอนจะออกไปผู้ตายพูดว่า “ทีใครทีมันอย่าไปถิ่นกูก็แล้วกัน”จำเลยโมโหจึงตามผู้ตายไป มีนายถิ่นตามไปด้วยแล้วเกิดเหตุนี้ขึ้นซึ่งแม้จะฟังข้อเท็จจริงตามนี้ก็ไม่ปรากฏว่าการโต้เถียงมีความรุนแรงถึงกับให้จำเลยโกรธแค้นเพียงใด สำหรับคำพูดของผู้ตายก่อนออกไปก็น่าจะมีความหมายให้เข้าใจเพียงว่า หากจำเลยไปในถิ่นผู้ตายก็จะต้องถูกไล่เช่นกัน หรืออย่างมากก็อาจจะถูกลอบทำร้ายไม่น่าจะคาดคิดว่าคำข้อนี้จะหมายความไปถึงผู้ตายจะฆ่าจำเลยเหตุดังกล่าวไม่หนักหนาร้ายแรงถึงกับต้องฆ่ากัน ตอนจำเลยวิ่งตามผู้ตายไปก็ไม่ได้ความว่าจำเลยวางแผนหรือชัดชวนหรือบอกให้นายถิ่นไปร่วมฆ่าผู้ตายอันแสดงว่ามีเจตนาร่วมกันมาแต่แรก แต่ตามคำให้การนี้เป็นเรื่องนายถิ่นตามไปเอง ได้ความจากคำนางประทุมว่าในตอนเกิดเหตุจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งวิ่งตามผู้ตายไปในกระต๊อบของตน แล้วจำเลยใช้ไม้ขนาดเท่าหัวแม่มือ ยาวประมาณ 1 ศอก ตีศีรษะผู้ตายเพียง 1 ที ส่วนพวกของจำเลยแทงผู้ตาย 1 ที ไม่ได้ความว่า จำเลยเลือกตีเพื่อให้ถูกอวัยวะสำคัญ เพราะเป็นการกระทำกะทันหันต่อเนื่องกัน ซึ่งในขณะที่ตีจำเลยน่าจะไม่มีเจตนาให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ครั้นเมื่อนางประทุมร้องให้คนช่วยจำเลยกับพวกจึงวิ่งหนีไปทางเดียวกัน โดยจำเลยมิได้ตีซ้ำทั้งที่มีโอกาสทำได้ และมิได้พูดยุยงส่งเสริมให้พวกแทนซ้ำ เมื่อพิเคราะห์ถึงไม้ที่จำเลยใช้ตีก็ไม่ปรากฏว่าเป็นไม้ชนิดใด เหลี่ยมหรือกลม แต่ไม่ใหญ่โตถึงขนาดใช้ตีให้เกิดแผลฉกรรจ์ถึงตายได้ แม้ภายหลังจำเลยวิ่งหนีไปด้วยกัน ข้อเท็จจริงก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบร่วมกันกับพวกฆ่าผู้ตายโดยเจตนา กรณีเป็นเรื่องต่างคนต่างทำ จำเลยคงต้องรับผิดจากผลเฉพาะที่ตนกระทำ หาต้องรับผิในผลจากการกระทำของผู้อื่นที่ติมิได้สมคบร่วมกระทำด้วยไม่ การกระทำจองจำเลยจึงเป็นเพียงทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.