คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกากีแกมเขียว รองเท้าหุ้มข้อหนังสีดำเข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว มีหัวเข็มขัดโลหะทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบกซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องแบบทหารตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ.2477 มาตรา 4 ยังไม่เรียกว่า แต่งเครื่องแบบทหาร ตามความหมายในมาตรา 3แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2485 ที่ยกเลิกแก้ไขมาตรา 6 เดิม จำเลยจึงยังไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยไม่ได้เป็นทหารและไม่มีสิทธิแต่งเครื่องแบบทหารได้บังอาจแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารบก ซึ่งยังคงใช้ในราชการอยู่ แสดงให้ปรากฏเพื่อให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าตนเป็นทหาร แล้วชกต่อยพลตำรวจสมบัติ พรรณภักตรา เกิดอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ เจ้าพนักงานตำรวจจับได้ขณะเกิดเหตุพร้อมด้วยเข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว 1 เส้น หัวเข็มขัดทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบก 1 อัน กางเกงขายาวสีกากีแกมเขียว 1 ตัว รองเท้าหนังสีดำ 1 คู่ เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พ.ศ. 2477 มาตรา 6 พระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 146

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 อันเป็นกระทงหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุก 6 เดือน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้นโดยไม่รอ

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การนำเพียงเครื่องแต่งกายส่วนหนึ่งส่วนใดของทหารไปแต่ง ไม่เป็นการแต่งเครื่องแบบทหาร และไม่ทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจว่าจำเลยเป็นทหารจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานนี้ แม้จำเลยรับสารภาพและไม่อุทธรณ์ในปัญหานี้ แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยฯ จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายกระทงเดียว ซึ่งศาลชั้นต้นมิได้กำหนดโทษฐานนี้ไว้ เพราะลงกระทงหนักกระทงเดียวจึงพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 กระทงเดียว ปรับ 400 บาท ลดโทษเพราะมีเหตุควรปรานีตามมาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 200 บาท ข้อหาของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

โจทก์ฎีกาเฉพาะในข้อหาความผิดฐานแต่งเครื่องแบบทหารว่าแม้จำเลยจะแต่งเครื่องแบบทหารไม่ครบตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารพ.ศ. 2477 มาตรา 4 แต่บุคคลที่พบเห็นเชื่อว่าจำเลยเป็นทหารทั้งจำเลยรับสารภาพตามฟ้องโดยไม่มีข้อแก้ตัวอย่างใด จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานนี้

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงประกอบคำฟ้องและคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เป็นอันฟังได้ว่า ที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารบกโดยไม่มีสิทธินั้น ก็โดยจำเลยแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกากีแกมเขียว 1 ตัว รองเท้าหุ้มข้อหนังสีดำ 1 คู่ เข็มขัดผ้าสีกากีแกมเขียว 1 เส้น หัวเข็มขัดโลหะทองเหลืองเครื่องหมายกองทัพบก 1 อัน อันเป็นของกลางในคดีนี้ พระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารพ.ศ. 2477 มาตรา 4 มีบัญญัติว่า”เครื่องแบบทหารหมายถึงเครื่องแต่งกายทั้งหลายที่ได้กำหนดให้ทหารแต่ง

เครื่องแบบทหารย่อมประกอบด้วย หมวก เสื้อ กางเกง รองเท้าเครื่องหมายยศ เหล่า จำพวก สังกัด และอื่น ๆ กับเครื่องประกอบต่าง ๆ ”

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เครื่องแบบทหารตามมาตราดังกล่าวได้ระบุเครื่องแต่งกายให้ประกอบด้วยหลายอย่างหลายประการ จำเลยแต่งกายเพียงดังกล่าวข้างต้นจึงยังไม่เป็นการแต่งเครื่องแบบทหารตามความหมายแห่งมาตรานั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็เป็นการรับสารภาพไปโดยเข้าใจผิด ลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้

พิพากษายืน ของกลางให้คืนจำเลย

Share