คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขับรถยนต์เบนไปทางขวาคร่อมกึ่งกลางถนน เพื่อจะหลบให้พ้นท้ายรถยนต์โดยสารซึ่งวิ่งสวนทางมาและเลี้ยวขวาตัดหน้ารถจำเลยเพื่อจะเข้าซอยโดยจำเลยเห็นว่าทางข้างหน้าปลอดภัย ไม่มีรถสวนมานั้นย่อมอยู่ในวิสัยที่จำเลยกระทำได้ บังเอิญผู้ตายวิ่งโผล่พ้นท้ายรถยนต์โดยสารออกมาอยู่ห่างรถจำเลยเป็นระยะ 1 วานั้น เป็นระยะกระชั้นชิด รถจำเลยจึงชนผู้ตายถึงแก่ความตาย แม้ว่าจุดที่ผู้ตายถูกรถยนต์จำเลยชนจะอยู่พ้นกึ่งกลางถนนไปเล็กน้อย ซึ่งปกติถือว่ามิใช่ทางวิ่งของรถจำเลยก็ตามก็ถือได้ว่าการที่จำเลยขับรถชนผู้ตายเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่อาจป้องกันได้
แม้จำเลยจะขับรถเร็วอันเป็นการฝ่าฝืนกฎจราจรก็ตาม ก็เป็นคนละเรื่องมิใช่เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถูกรถจำเลยชน ย่อมถือได้ว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานขับรถยนต์ชนผู้ตายโดยประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ฝ่าฝืนกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) ข้อ 11 ซึ่งห้ามมิให้ขับรถเกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อผ่านทางแยก และด้วยความประมาท ไปชนนายบุญ คุ้มโสภา ซึ่งกำลังข้ามถนนถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 9, 29, 32, 66 (ฉบับที่ 4) มาตรา 7, 13 กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) ข้อ 11 และขอให้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยขับรถเร็วเกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อผ่านทางแยก แต่การที่รถจำเลยชนผู้ตายเกิดจากเหตุสุดวิสัยไม่อาจป้องกันได้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2477 มาตรา 66 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 13 ให้ปรับจำเลย 500 บาท ยังไม่สมควรเพิกถอนใบอนุญาต ข้อหาอื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยขับรถชนผู้ตายด้วยความประมาทพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ด้วย ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลย 3 ปี และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จุดที่ผู้ตายถูกรถยนต์จำเลยชนจะอยู่พ้นกึ่งกลางทางไปแล้วเล็กน้อย ซึ่งโดยปกติถือว่ามิใช่ทางวิ่งของรถจำเลย แต่ก็ได้ความว่า ขณะนั้นมีรถยนต์โดยสารซึ่งวิ่งสวนทางกับรถจำเลยเลี้ยวขวาตัดทางวิ่งของรถจำเลยจะเข้าซอย การที่จำเลยเบนรถหลบไปทางขวาคร่อมกึ่งกลาง เพื่อให้พ้นท้ายรถโดยสารคันนั้นโดยเห็นว่าทางข้างหน้าปลอดภัยไม่มีรถสวนมานั้น ย่อมอยู่ในวิสัยที่จำเลยจะกระทำได้หากแต่เป็นเหตุบังเอิญที่ผู้ตายไม่ใช้ความระมัดระวังวิ่งข้ามถนนมา โดยมิได้ดูว่ามีรถแล่นมาทางขวาหรือไม่ พอวิ่งโผล่พ้นท้ายรถโดยสารก็อยู่ห่างรถจำเลยประมาณ 1 วา อันเป็นระยะกระชั้นชิด ซึ่งจำเลยไม่สามารถหยุดรถได้ทันท่วงที และจำเลยไม่อาจคิดได้ว่าจะมีบุคคลใดวิ่งผ่านพ้น (ท้าย) รถโดยสารมาในภาวะเช่นนี้ การที่จำเลยขับรถชนผู้ตายจึงเป็นเหตุสุดวิสัยไม่อาจป้องกันได้ (เหตุเกิดที่หลักกิโลเมตรที่ 14-15 ตำบลบางแคอำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี บนถนนเพชรเกษม เวลา 10.00 นาฬิกาจำเลยขับรถยนต์ด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) แม้จำเลยจะขับรถเร็วอันเป็นการฝ่าฝืนกฎจราจรก็ตาม ก็เป็นคนละเรื่องมิใช่เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถูกรถจำเลยชน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานขับรถยนต์ชนคนตายโดยประมาท

พิพากษาแก้ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share