คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะเอาความผิดแก่จำเลยในกรณีฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวหรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย โจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบให้ได้ความว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว ลำพังแต่ได้ความว่าประกาศดังกล่าวได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วหาเพียงพอที่จะถือว่าได้รู้ถึงประชาชนแล้วไม่เมื่อโจทก์นำสืบให้เห็นไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบประกาศแล้ว จำเลยจงใจฝ่าฝืน กรณีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลย (อ้างฎีกาที่ 1176/2492)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2510 เวลากลางคืน หลังเที่ยงจำเลยได้ร่วมกันขนย้ายข้าวสารหรือนำข้าวสาร 3 กระสอบ น้ำหนัก 300 กิโลกรัมราคา 1,470 บาท ซึ่งต้องเสียอากร 61.74 บาท อันเป็นข้าวสารที่ยังมิได้เสียอากรและไม่ได้ผ่านด่านศุลกากร โดยบรรทุกเรือเครื่องยนต์ดีเซลไปทางทะเลออกนอกเขตท้องที่อำเภอเมืองสตูล เพื่อออกนอกเขตอำเภอเมืองสตูลอันเป็นเขตห้ามขนย้ายข้าวตามประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวฉบับที่ 81 พ.ศ. 2510 ลงวันที่ 13 มกราคม 2510 กับประกาศฉบับที่ 82 พ.ศ. 2510 ดังสำเนาประกาศท้ายฟ้อง ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและปิดสำเนาประกาศให้ทราบทั่วกัน จำเลยได้ทราบแล้วโดยจำเลยพาออกไปสู่ดินแดนสหพันธรัฐมาเลเซียดินแดนนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุเกิดในท้องทะเลระหว่างเกาะตารุเตาเกาะเลตง ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล กับเกาะลังกาวี เขตแดนสหพันธรัฐมาเลเซีย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 6,16,17 พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2490 มาตรา 3พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 3,4,10,13 พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 6 พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวฉบับที่ 81 พ.ศ. 2510 ลงวันที่ 13 มกราคม 2510 ฉบับที่ 82 พ.ศ. 2510 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2510 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 8,9 และขอให้สั่งริบข้าวสาร กระสอบใส่ข้าวสาร เรือบรรทุกข้าวสาร และสั่งจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับกุมตามกฎหมายด้วย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะนำข้าวออกไปยังเขตแดนประเทศมาเลเซีย คดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวไปทางทะเลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกระทำผิดด้วย พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 6 จำคุก 10 ปี เรือและข้าวสารของกลางให้ริบให้จ่ายเงินรางวัลร้อยละ 20 ของราคาของกลาง สำหรับข้อหาอื่นและสำหรับตัวจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวไปทางทะเลตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวหรือไม่ เห็นว่า การที่จะเอาผิดแก่จำเลยในกรณีฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวหรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย โจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว ลำพังแต่ได้ความว่าประกาศดังกล่าวได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หาเพียงพอที่จะถือว่าได้รู้ถึงประชาชนแล้วไม่ ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1176/2492 ระหว่าง อัยการจังหวัดภูเก็ต โจทก์ นายต๋อง พึ่งถิ่น จำเลย เมื่อโจทก์นำสืบให้เห็นชัดแจ้งยังไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบประกาศแล้วจงใจฝ่าฝืนประกาศนั้น ก็ไม่มีทางจะเอาผิดลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวได้

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 เสียด้วย ข้าวสารและเรือยนต์ของกลางคืนจำเลยที่ 1

Share