คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยคนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีจำเลยอีก 2คนนั่งซ้อนท้าย นำอาวุธปืน และกระสุนปืนเข้ามาในตลาดซึ่ง เป็นเมืองและทางสาธารณะเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ที่ศาลจะ สั่งริบ จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 แต่ให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดศาลจะอาศัย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 มาเพื่อริบอาวุธปืนไม่ได้ ในเมื่อเป็นอาวุธปืนที่เจ้าของได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มี จึงมิใช่ทรัพย์สินที่จะต้องริบ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 เรียงกระทงลงโทษ ความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 จำคุกคนละ 2 ปี ฐานพาอาวุธปืน กระสุนปืน โดยมิได้รับอนุญาต ลงโทษตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกคนละ 1 ปี ยกฟ้องข้อหาอื่น ริบอาวุธปืน กระสุนปืน แหนบกระสุนปืน ซองปืนพลาสติก แถบหนังบรรจุกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนเศษหัวกระสุนปืน และรถจักรยานยนต์ของกลาง ของกลางนอกจากนี้คืนให้เจ้าของศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องในข้อหามีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต คืนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ฯลฯ แก่จำเลยทั้งสามโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมาายว่า “ในชั้นนี้ปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมืองและในทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนโดยมิได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามต่างมีอาวุธปืนและกระสุนปืนตามฟ้องโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และต่างได้พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวเข้าไปในตลาดอำเภอย่านตาขาวซึ่งเป็นในเมืองและทางสาธารณะโดยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวจำเลยทั้งสามนำสืบว่าจำเลยทั้งสามเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ประจำฐานปฏิบัติการบ้านควนไม้ดำ อำเภอประเหลียนจังหวัดตรัง เมื่อประมาณกลางเดือนเมษายน 2525 จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อกับนายเคียวซึ่งเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่ได้เข้ามอบตัวต่อทางราชการแแล้ว นายเคียวได้มอบบัตรปลอดภัยให้จำเลย 3 ฉบับเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในการเข้ามอบตัวต่อทางราชการปรากฏตามบัตรเอกสารหมาย ล.1 วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสามต่างนำอาวุธปืนและกระสุนปืนตามฟ้องเข้ามาในตลาดอำเภอย่านตาขาวเพื่อจะมอบตัวต่อทางราชการ จำเลยทั้งสามแวะซื้อเสื้อที่ร้านที่เกิดเหตุเพราะยังไม่ถึงเวลาที่นัดไว้กับนายเคียว ก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม จำเลยทั้งสามแสดงบัตรปลอดภัยให้ดูแต่ผู้จับกุมไม่สนใจ ศาาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าถ้าจำเลยทั้งสามตั้งใจจะมอบตัวและนำอาาวุธปืน กระสุนปืนตามฟ้องมามอบให้แก่ทางราชการจริงก็น่าจะติดต่อกับทางราชการอย่างเป็นทางการไว้ล่วงหน้า และมุ่งมาหาเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับมอบตัวโดยตรง แต่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามไม่เคยติดต่อกับทางราชการว่าจะเข้ามอบตัวมาก่อนเลย วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสามต่างพาอาวุธปืนและกระสุนปืนตามฟ้องเข้ามาในตลาดอำเภอย่านตาขาวและถูกจับกุมขณะซื้อของอยู่ในตลาดดังกล่าว ร้อยตำรวจเอกคมกฤษ อกนิษฐ์เสนีย์ พนักงานสอบสวนเบิกความว่าจำเลยทั้งสามบอกว่ามาหาซื้อของในตลาด ไม่ได้บอกว่าจะเข้ามอบตัวต่อทางราชการ ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามต่างนำอาาวุธปืน กระสุนปืนตามฟ้องเข้ามาในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นในเมืองและในทางสาธารณะโดยมีเจตนาจะนำมามอบให้แก่ทางราชการจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องที่ และริบอาวุธปืนดังกล่าวไม่ได้ เมื่ออาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่เจ้าของได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มี จึงมิใช่ทรัพย์สินที่จะต้องริบ

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเว้นแต่เรื่องกำหนดโทษและเรื่องริบรถจักรยานยนต์ อาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามในความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่คนละ 1 ปี ในความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองและในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน โดยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวคนละ 6 เดือน รวมเป็นจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน คืนรถจักรยานยนต์กับอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางที่ยึดจากจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ให้จ้าของ”

Share