คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยอ้างว่าทรัพย์ทั้งหมดตามฟ้องเป็นของจำเลยรับมรดกจากบุตรโจทก์ จำเลยจะให้โจทก์กินหรือให้อาศัยอยู่หรือไม่ก็ได้ เมื่อโจทก์จะขอประนอมการพิพาทโดยจะแบ่งทรัพย์ตามฟ้องและอื่น ๆ ให้จำเลย จำเลยก็ไม่ยอมรับนั้น เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่า จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์แล้ว โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลได้
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลง ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้องคงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินและทรัพย์ต่าง ๆ ตามฟ้องเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยกระทำการใด ๆ ซึ่งเป็นการโต้แย้งสิทธิและรบกวนสิทธิของโจทก์
จำเลยให้การว่า เป็นทรัพย์ซึ่งจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของและรับมรดกมาทั้งคดีโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดการชี้สองสถานแล้วพิพากษาว่าตามคำบรรยายฟ้องไม่พอฟังว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ส่วนทุ่งหนองเทา โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ก็กำลังพิจารณาอยู่ที่ศาลนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องประกอบคำให้การจำเลยฟังได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว ส่วนนาทุ่งหนองเทาโจทก์ไม่ได้ฟ้อง เป็นแต่เพียงบรรยายมาให้ทราบเท่านั้น พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยอ้างว่า ทรัพย์ทั้งหมดตามฟ้องเป็นของจำเลยรับมรดกจากนายพันธ์ จำเลยจะให้โจทก์กินหรือให้อาศัยอยู่หรือไม่ก็ได้ เมื่อโจทก์จะขอประนอมการพิพาทโดยจะแบ่งทรัพย์ตามฟ้องและอื่น ๆ ให้จำเลย จำเลยก็ไม่ยอมรับนั้นเป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วไม่จำต้องกล่าวว่าจำเลยจะเอาทรัพย์พิพาทไปทำอะไรดังที่จำเลยฎีกาหรือต้องถึงกับใช้กำลังกายขัดขวางสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลได้
ที่จำเลยฎีกาว่าคำบรรยายฟ้องของโจทก์ว่าเหตุเกิดเดือนมกราคม ๒๕๑๒ ซึ่งเป็นเวลาก่อนฟ้องคดีแพ่งแดงที่ ๑๙๘/๒๕๑๒ ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดแต่ภายหลังที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีแพ่งแดงนั้นแล้ว หาปรากฏว่ามีการโต้แย้งสิทธิไม่ การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำนั้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในสำนวนคดีแพ่งดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์ (นอกจากนาทุ่งหนองเทา) ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้อง คงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับนาทุ่งหนองเทา โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ใหม่โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้ เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วจึงย่อมทำได้ หาใช่เป็นการดำเนินกระบวนซ้ำหรือฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔, ๑๔๘ ไม่
พิพากษายืน

Share