แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ขณะฟ้องคดี โจทก์จะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 137029 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า ห. บิดาโจทก์ ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวมาตั้งแต่ที่ดินยังไม่มีเอกสารสิทธิ ต่อมาจึงออกเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินเมื่อปี 2543 ห. ยกที่ดินให้โจทก์เมื่อ 27 ปี ก่อน ขณะเป็นที่ดินมือเปล่า ซึ่งย่อมโอนให้แก่กันได้โดยเพียงเจ้าของแสดงเจตนาสละการครอบครอง เมื่อโจทก์เข้าครอบครองปลูกบ้านพักอาศัยในที่ดินพิพาทนับแต่เวลานั้น โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 137030 ที่อยู่ติดกัน แม้จะระบุชื่อ อ. สามีจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิเพียงคนเดียวก็ตาม แต่ก็ได้ความว่าที่ดินแปลงนี้ อ. กับจำเลยร่วมกันซื้อมา เมื่อ อ. เสียชีวิตแต่ยังมิได้เปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทางทะเบียน ที่ดินส่วนที่เป็นของ อ. ย่อมเป็นทรัพย์มรดกตกแก่ทายาท ซึ่งจำเลยก็เป็นทายาทคนหนึ่งและมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินดังกล่าวด้วย จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าของรวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 137030 รวมทั้งบ้านเลขที่ 85/1 ที่ปลูกบนที่ดินนั้นด้วย แม้บุตรจำเลยจะเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างก็เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เท่านั้น การปลูกสร้างบ้านและส้วมบนที่ดินเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลย และจำเลยย่อมต้องรู้เห็นและให้ความยินยอม ซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 1342 วรรคหนึ่ง เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของอาคารไม่มีสิทธิสร้างส้วมหรือบ่อบำบัดใกล้แนวเขตที่ดินข้างเคียงในระยะสองเมตร เมื่อจำเลยฝ่าฝืน โจทก์ซึ่งมีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ่อส้วม โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ห้ามจำเลยและบริวารใช้ห้องส้วมดังกล่าว รวมทั้งห้ามจำเลยสร้างห้องส้วมและหรือบ่อส้วมใกล้กับแนวเขตที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยในการรื้อถอนบ่อส้วม โดยให้โจทก์เป็นผู้ว่าจ้างบุคคลภายนอกเข้าไปดำเนินการแทนและให้จำเลยเป็นฝ่ายชำระค่าใช้จ่าย หากไม่สามารถปฏิบัติตามคำขอข้างต้น ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรื้อถอนหรือกลบบ่อส้วมตามฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า โจทก์เป็นบุตรนายหนูนุ้ย โจทก์พักอาศัยอยู่ร่วมกับนายหนูนุ้ยที่บ้านเลขที่ 88/1 หมู่ที่ 5 ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 137029 เดิมมีชื่อนายหนูนุ้ยถือกรรมสิทธิ์ ต่อมานายหนูนุ้ยจดทะเบียนให้ที่ดินแก่โจทก์ภายหลังจากที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้แล้ว ส่วนจำเลยเป็นภริยานายอั้นซึ่งเสียชีวิตไปแล้วแต่ยังคงมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 137030 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 137029 ด้านทิศตะวันออก วันที่ 16 สิงหาคม 2551 นางสาวละออง บุตรของจำเลย ยื่นขออนุญาตต่อองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสำหรับใช้เป็นบ้านพักอาศัยบนที่ดินโฉนดเลขที่ 137030 ซึ่งต่อมาเป็นบ้านเลขที่ 85/1 และก่อสร้างส้วมซึมโดยมีบ่อบำบัด (บ่อเกรอะ) ใกล้กับแนวเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 137029 และบ่อน้ำบาดาลของโจทก์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดเป็นคดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า นายหนูนุ้ยเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ที่ดินยังไม่มีเอกสารสิทธิ ต่อมาจึงมีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินเมื่อปี 2543 นายหนูนุ้ยยกที่ดินให้โจทก์เมื่อประมาณ 27 ปีก่อน จำเลยไม่นำสืบหักล้างให้ฟังเป็นอื่น จึงเห็นได้ว่า ขณะที่นายหนูนุ้ยยกที่ดินให้โจทก์ ที่ดินแปลงนี้เป็นเพียงที่ดินมือเปล่าซึ่งย่อมโอนให้แก่กันได้โดยเพียงเจ้าของแสดงเจตนาสละการครอบครอง เมื่อโจทก์ได้เข้าครอบครองปลูกบ้านพักอาศัยในที่ดินพิพาทมานับแต่เวลานั้น โจทก์จึงมีสิทธิครอบครอง ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 137030 ที่อยู่ติดกัน แม้สำเนาโฉนดที่ดินจะระบุชื่อนายอั้นสามีจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพียงคนเดียวก็ตาม แต่ก็ได้ความว่าจำเลยกับนายอั้นร่วมกันซื้อมา เมื่อนายอั้นเสียชีวิตแต่ยังมิได้เปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทางทะเบียน ที่ดินส่วนที่เป็นของนายอั้นตกเป็นทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาท ซึ่งจำเลยก็เป็นทายาทคนหนึ่งและมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินดังกล่าวด้วย จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าของรวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 137030 รวมทั้งบ้านเลขที่ 85/1 ที่ปลูกบนที่ดินนั้นด้วย แม้นางสาวละอองจะเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างก็เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เท่านั้น การปลูกสร้างบ้านและส้วมบนที่ดินเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลย และจำเลยย่อมต้องรู้เห็นและให้ความยินยอม ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 วรรคหนึ่ง เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของอาคารไม่มีสิทธิสร้างส้วมหรือบ่อบำบัดใกล้แนวเขตที่ดินข้างเคียงในระยะสองเมตร เมื่อจำเลยฝ่าฝืน โจทก์ซึ่งมีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่ชำระเกินมาแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ