แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยโต้เถียงกับผู้ตายแล้วกลับบ้านไปนำปืนติดตัวมาหาผู้ตายอีก แสดงว่าจำเลยสมัครใจที่จะกลับไปวิวาทกับผู้ตาย เพราะจำเลยมีทางหลีกเลี่ยงไม่กลับไปพบผู้ตายได้แต่ก็ไม่กระทำ เมื่อผู้ตายเตะจำเลย จำเลยก็ยิงผู้ตายทันที การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันตัว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุสมควรและเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และได้ใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 91และพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหามีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ปฏิเสธในข้อหาฆ่าผู้อื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยอายุกว่าสิบสี่ปีแต่ยังไม่เกินสิบเจ็ดปี ยังไม่สมควรลงโทษจำเลย ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจนกว่าจะมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยพบกับผู้ตายโดยบังเอิญและทวงเงินที่ผู้ตายยืมไป ผู้ตายไม่ให้ เกิดการโต้เถียงกัน แล้วจำเลยก็กลับบ้าน เรื่องควรจะจบลงเพียงเท่านั้น แต่จำเลยไม่ยอมหยุดยั้ง กลับนำปืนพบติดตัวไปหาผู้ตายอีกแสดงว่ามีความสมัครใจที่จะกลับไปวิวาทกับผู้ตาย จำเลยมีทางหลีกเลี่ยงโดยไม่กลับไปพบผู้ตายอีกได้ แต่ไม่กระทำ เมื่อผู้ตายเตะจำเลย จำเลยก็ใช้ปืนพกที่เตรียมมายิงผู้ตายทันที การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การกระทำเพื่อป้องกันตัว
พิพากษายืน