คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1024 บัญญัติว่า ในระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบรรดาสมุดบัญชีเอกสารของบริษัทนั้นย่อมเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตามข้อความที่ได้บันทึกไว้นั้นทุกประการ ดังนั้นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่กรรมการของบริษัทจำเลยนำส่งต่อนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครจึงเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้อง รับฟังได้ในเบื้องต้นว่าผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทจำเลยและค้างชำระค่าหุ้นอยู่ตามนั้นจริง เว้นแต่ผู้ร้องจะพิสูจน์ได้เป็นประการอื่น

ย่อยาว

ผู้ร้องร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งว่าผู้ร้องเป็นหนี้ค่าหุ้นของบริษัทจำเลยเป็นเงิน 150,000 บาท ซึ่งไม่เป็นความจริง ผู้ร้องไม่เคยเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยแม้จะปรากฏชื่อผู้ร้องในทะเบียนผู้ถือหุ้นก็เป็นการกระทำของบริษัทจำเลยฝ่ายเดียวโดยผู้ร้องไม่ทราบและไม่เคยยินยอม ขอให้มีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ของจำเลย

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ผู้ร้องมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยดังปรากฏตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นแนบท้ายคำขอจดทะเบียนเพิ่มทุน และตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญครั้งที่ 1/2509 ที่จำเลยส่งไว้ต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ผู้ร้องจึงต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นที่ยังค้างชำระ ขอให้ยกคำร้องและให้ผู้ร้องชำระหนี้ค่าหุ้นที่ค้างชำระดังกล่าว

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ของบริษัทจำเลย

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นฉบับท้ายที่กรรมการของบริษัททองสุทธิ จำกัด จำเลยนำส่งต่อนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1139 วรรคสอง ปรากฏว่าผู้ร้องถือหุ้นบริษัททองสุทธิ จำกัด จำเลยจำนวน 300 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาทชำระเงินแล้วหุ้นแล้ว 500 บาท เลขหุ้นตั้งแต่ 6201 ถึง 6500 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1024 บัญญัติความว่า ในระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทให้สันนิษฐานไว้ก่อนบรรดาสมุดบัญชีเอกสารของบริษัทนั้นย่อมเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตามข้อความที่ได้บันทึกไว้นั้นทุกประการ ดังนั้น บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่กรรมการของบริษัททองสุทธิ จำกัด จำเลยนำส่งต่อนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครตามเอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้อง รับฟังได้ในเบื้องต้นว่าผู้ร้องถือหุ้นบริษัททองสุทธิ จำกัดจำเลย และค้างชำระค่าหุ้นอยู่ตามนั้นจริง คดีเรื่องนี้ปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นของบริษัทจากบริษัทจำเลยไม่ได้เลย จึงต้องอาศัยหลักฐานจากนายทะเบียนซึ่งในเบื้องต้นต้องฟังว่าถูกต้องเว้นแต่ผู้ร้องจะพิสูจน์ได้เป็นประการอื่น แต่ในการพิจารณาคดีเรื่องนี้ ผู้ร้องไม่สามารถนำสืบหักล้างพยานหลักฐานตามเอกสารหมาย จ.1 ได้ คดีจึงต้องรับฟังตามเอกสารดังกล่าวผู้ร้องถือหุ้นบริษัทจำเลยและค้างชำระค่าหุ้นอยู่เป็นเงิน 150,000 บาท

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องและบังคับให้ผู้ร้องชำระเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระอยู่เป็นเงิน 150,000 บาทแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2520 จนกว่าจะชำระเสร็จ

Share