คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเสียค่าอ้างเอกสารเป็นหน้าที่ของศาลจะพึงเรียกจากผู้อ้าง
เมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงพิพากษาคดีมาแล้ว โดยมิได้ถือเอาเอกสารที่ยังไม่ได้เสียค่าอ้างเป็นข้อแพ้ชนะ มาชั้นอุทธรณ์จึงเป็นหน้าที่ของศาลอุทธรณ์จะพึงเรียกค่าอ้างจากผู้อ้างเสียให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาคดีไป หาควรให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ไม่

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของโจทก์ได้ระบุอ้างสำนวนการสอบสวนคดีนี้ปี 2495 ศาลได้เรียกเอกสารที่โจทก์อ้างจากอำเภอสา แล้วพิจารณาพิพากษาว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่นาพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 พิพากษายกฟ้อง ในคำพิพากษาตอนหนึ่งวินิจฉัยว่าที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ได้นาพิพาทมาอย่างไรนั้น หลักฐานโจทก์ไม่มั่นคงพอให้ศาลเชื่อพยานเอกสารที่โจทก์อ้าง โจทก์มิได้เสียค่าอ้างให้ศาลรับพิจารณาประกอบคำพยานบุคคล

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการเสียค่าอ้างเอกสารเป็นหน้าที่ของศาลจะพึงเรียกจากผู้อ้าง เมื่อศาลไม่เรียกไว้จากโจทก์ประกอบการพิจารณาคดีต่อไปนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าอ้างแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการเสียค่าอ้างเอกสารเป็นหน้าที่ของศาลจะพึงเรียกจากผู้อ้างนั้นชอบแล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงพิพากษาคดีมาแล้วโดยมิได้ถือเอาเอกสารที่ยังไม่ได้เสียค่าอ้างเป็นข้อแพ้ชนะ มาชั้นอุทธรณ์จึงเป็นหน้าที่ของศาลอุทธรณ์จะพึงเรียกค่าอ้างเอกสารจากผู้อ้างเสียให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาคดีไป หาควรให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ไม่

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินการเรียกค่าอ้างเอกสารเสียให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาไปตามรูปความ

Share