แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้คู่ความอ้างพยานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม ก็ดีการที่ศาลไม่ไปดูที่พิพาทก็ดีเป็นเรื่องดุลพินิจของศาลการโต้แย้งดุลพินิจของศาลเป็นการโต้แย้งในข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 2487 ตำบลคมบาง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ โดยโจทก์ซื้อจากนายเกตุ ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองโดยมิได้แก้ทะเบียนหลังโฉนด และได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของมาเป็นเวลา 22 ปีแล้ว โฉนดและสัญญาปลวกกัดกินสูญหายไป จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่านายเกตุไม่เคยขายที่ให้โจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานจำเลยมีน้ำหนักดีกว่า พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะคดีมีทุนทรัพย์เพียง 2,000 บาท และเห็นว่าการที่โจทก์ขออ้างพยานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3 ก็ดี การที่โจทก์ขอให้ศาลไปดูที่พิพาทเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของศาล ศาลจะอนุญาตก็ได้ไม่อนุญาตก็ได้การโต้แย้งในเรื่องดุลพินิจเป็นการโต้แย้งในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาตรงกันแล้ว จึงฎีกาไม่ได้ จึงให้ยกฎีกาโจทก์เสีย