แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำของจำเลยด้วยกันที่นำสืบเพื่อหวังจะปลดเปลื้องให้ตนพ้นผิดนั้นยังไม่เป็นผิดฐานเบิกความเท็จ
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดิมโจทก์แล ท. จำเลยเป็นจำเลยของพนักงานอัยยการซึ่งต้องหาว่าขับรถยนต์โดนกันในถนนพลวงตามคดีแดงที่ ๘๘๒/๒๔๗๕ ท. จำเลยกับพวกให้การว่ารถโจทก์ชนรถของ ท. แล ท.เป็นผู้ขับเอง ซึ่ง ความจริง ม. จำเลยเป็นผู้ขับรถของ ท. แลได้ชนรถโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษฐานเบิกความเท็จ
ศาลเดิมให้จำคุกจำเลยตาม ม. ๑๕๖
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในคดีก่อนนั้น โจทก์ก็ดีจำเลยก็ดีต่างก็นำสืบเพื่อหวังจะปลดเปลื้องให้ตนพ้นผิด แลตามหลักวิธีพิจารณาก็มีว่าศาลย่อมไม่รับฟังคำพะยานของจำเลยด้วยกันเองมาลงโทษจำเลย ถ้อยคำที่จำเลยเบิกความจึงไม่ใช่ข้อความสำคัญที่จะทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์