คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาตั้งผู้อื่นเป็นตัวแทนค้าต่าง จำหน่ายสินค้าและเก็บเงินให้ ดังนี้การส่งมอบสินค้ากับชำระราคาของไม่ใช่เป็นกรณีเรื่องซื้อขายอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
โจทก์อ้างเอกสารสัญญาตั้งตัวแทนค้าต่างที่จำเลยทำไว้เป็นพะยานซึ่งมีข้อความชัดเจนนั้น โจทก์จะขอสืบพะยานแปลข้อความในเอกสารนั้นเป็นอย่างอื่นไม่ได้.

ย่อยาว

บริษัททำสัญญาให้บริษัทไทยนิยมพาณิชจำกัดเป็นตัวแทนค้าต่างขายปูนซิเมนต์ของจำเลยตลอดจนเก็บเงินที่ขายได้และชำระเงินนั้นให้แก่จำเลย ศาลแพ่งเห็นว่าตามข้อความในสัญญาพอวินิจฉัยได้ จึงงดสืบพะยานพิพากษาว่าตามสัญญาบริษัทไทยนิยมฯ ไม่ใช่ผู้ซ้อและการชำระเงินให้จำเลยก็ไม่ใช่เรื่องซื้อขายปูนซิเมนต์กัน จึงไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จึงพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาดังต่อไปนี้
๑. โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ขอสืบพะยานว่าบริษัทไทนิยมเป็นผู้ซื้อปูนซิเมนต์จากจำเลย ศาลสั่งงดไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์แถลงขอสืบว่าบริษัทไทยนิยมฯ เป็นผู้ซื้อปูนซิเมนต์จากจำเลยตามหนังสือสัญญา ข้อ ๖ เท่านั้นหาใช่ขอสืบพะยานดังฎีกาไม่
๒. โจทก์ฎีกาว่าหนังสือสัญญามีข้อความกำกวมไม่ชัดเจน ศาลฎีกาเห็นว่ามีข้อความชัดเจนว่าบริษัทไทยนิยมเป็นผู้จำหน่ายปูนซิเมนต์และเก็บเงินให้จำเลยไม่กำกวมดังโจทก์อ้าง
๓. โจทก์อ้างว่าตามหนังสือสัญญานั้นไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะสืบว่าบริษัทไทยนิยมฯ เป็นผู้ซื้อปูนซิเมนต์จากจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างไม่ได้พิพากษาว่าสัญญานี้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะขอสืบดังกล่าว ศาลล่างเพียงแต่ชี้ขาดว่า โจทก์ขอสืบพะยานแปลข้อความในหนังสือสัญญาซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว ศาลจึงไม่ให้สืบ และหนังสือนี้โจทก์ก็เป็นผู้อ้างมาเพื่อแสดงว่าบริษัทไทยนิยมซื้อปูนซิเมนต์จากจำเลยศาลฎีกาเห็นชอบด้วยศาลล่าง จึงพิพากษายืน

Share