คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยนำสำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปใช้อ้างและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานโดยกรอกข้อความในใบสมัครและใบขึ้นทะเบียนนักศึกษาก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยในการใช้หลักฐานปลอมดังกล่าวสมัครเข้าเป็นศึกษาโดยมุ่งประสงค์ให้เจ้าพนักงานหลงเชื่อว่าสำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนดังกล่าวเป็นเอกสารอันแท้จริงที่ออกให้แก่จำเลยการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
การกระทำของจำเลยดังกล่าวก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งสองแห่งเพราะอาจทำให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือ เป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือนร้อนของผู้อื่น จึงเป็นความผิดร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนก็ไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 137, 264, 265, 268
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 137 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยเป็นผู้ทำปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม จึงให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารราชการปลอมเพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 2 ปี ฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมจึงให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารราชการปลอมเพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง และเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 1 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันนั้น เห็นว่า การที่จำเลยนำสำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปใช้อ้างและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานโดยกรอกข้อความในใบสมัครและใบขึ้นทะเบียนนักศึกษา ก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยในการใช้หลักฐานปลอมดังกล่าว โดยมุ่งประสงค์ให้เจ้าพนักงานหลงเชื่อว่าสำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนดังกล่าวเป็นเอกสารอันแท้จริงที่ทางราชการออกให้แก่จำเลยการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามที่โจทก์ฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยทำปลอมสำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดน่านและนำไปใช้อ้างและแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน การกระทำของจำเลยนอกจากทำให้นางสาวละเอียดและเจ้าพนักงานได้รับความเสียหายแล้ว ยังเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาทั้งสองแห่ง ทำให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันดังกล่าว ขาดความเชื่อถือเป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นแม้จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนหรือมีเหตุอื่นตามที่อ้างในฎีกา ก็ไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รอการลงโทษให้จำเลยจึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share