คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การเสนอคำฟ้องหรือคำร้องขอต่อศาลที่มีอำนาจบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (2) ต้องเสนอต่อศาลในคดีเดิม มิใช่ยื่นคำฟ้องต่อศาลดังกล่าวเป็นคดีใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2546 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีประจำสำนักงานบังคับคดีจังหวัดเพชรบุรีและอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 3 ได้ดำเนินการบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 45418 ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นครั้งที่ 13 โดยติดจำนอง ตามหมายบังคับคดีของศาลแพ่งในคดีหมายเลขแดงที่ 459/2543 ระหว่างนางสุรีย์ โจทก์ นางนิ่มนวล จำเลย ซึ่งส่งไปให้ศาลจังหวัดเพชรบุรีบังคับคดีแทน ในการขายทอดตลาดดังกล่าวโจทก์ได้เสนอราคาสูงสุดและไม่น้อยกว่าราคาสูงสุดของการประมูลในครั้งก่อนโดยไม่มีผู้คัดค้าน แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่เคาะไม้ขายทรัพย์ให้แก่โจทก์โดยอ้างว่าราคาที่โจทก์เสนอยังไม่สมควรขาย เป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคหนึ่ง ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะทำให้หนี้ไถ่ถอนจำนองในส่วนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นเงิน 1,666,875 บาท จำเลยทั้งสามจึงต้องร่วมรับผิดค่าเสียหายส่วนนี้ซึ่งโจทก์ขอคิดเพียง 300,000 บาท ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในการขายทอดตลาดดังกล่าวและมีคำสั่งให้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 45418 ได้จากการขายทอดตลาด กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น (ศาลแพ่ง) ได้หรือไม่ เห็นว่าก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลแพ่งธนบุรีและคดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องและคำขอบังคับของโจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ไม่ขายทอดตลาดที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้ราคาสูงสุดและเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาประมูลครั้งก่อน ซึ่งโจทก์เห็นว่าเป็นคำสั่งที่ฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคหนึ่ง เป็นสาระสำคัญ กับมีคำขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นคำขอต่อเนื่อง ฟ้องของโจทก์จึงเกี่ยวกับการบังคับคดีในคดีหมายเลขแดงที่ 459/2543 ของศาลแพ่ง ซึ่งออกหมายบังคับคดีส่งให้ไปศาลจังหวัดเพชรบุรีบังคับคดีแทน และจำต้องมีคำวินิจฉัยของศาลก่อนที่การบังคับคดีจะได้ดำเนินไปได้โดยครบถ้วนและถูกต้องกรณีต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (2) ประกอบมาตรา 15 วรรคท้าย และมาตรา 302 วรรคหนึ่งและวรรคท้าย โจทก์จะต้องเสนอคำฟ้องหรือคำร้องขอต่อศาลที่มีอำนาจในการบังคับคดีคือยื่นต่อศาลแพ่งซึ่งเป็นศาลที่ออกหมายบังคับคดี หรืออาจยื่นต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีซึ่งเป็นศาลที่บังคับคดีแทน ดังนั้น โจทก์จึงต้องเสนอคดีนี้โดยทำเป็นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นในคดีเดิมคือศาลแพ่งในคดีหมายเลขแดงที่ 459/2543 ซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจในการบังคับคดี หาใช่ยื่นคำฟ้องต่อศาลชั้นต้น (ศาลแพ่ง) เป็นคดีใหม่ไม่ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share