คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โฉนดที่พิพาทมีชื่อ พ. เจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ และ พ.ได้มอบให้เจ้าหนี้ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้ ต่อมา พ. ตาย ผู้ร้องและจำเลยได้ไปขอออกโฉนดใหม่ใส่ชื่อผู้ร้องและจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในใบแทนโฉนด ดังนี้ ไม่ทำให้ที่พิพาทนั้นพ้นจากสภาพเป็นทรัพย์ในกองมรดกของ พ. ที่จะต้องรับผิดต่อหนี้สินของ พ.ที่จะต้องชำระให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของศาล ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วนได้ในกองมรดกจนกว่าจะได้จัดการชำระหนี้สินของ พ.ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกนางพร้อม ขันธมิตร ผู้ตายชำระเงินกู้ให้โจทก์ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินสองแปลงซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นกองมรดกของนางพร้อมผู้ตายผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่ามีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับจำเลยยังไม่ได้แบ่งโฉนดกัน ขอให้ศาลสั่งกันเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดให้ผู้ร้องทั้งสาม โจทก์ค้านว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันเงินไว้ก่อน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดยังไม่ได้แบ่งมรดกกันในระหว่างทายาทผู้มีสิทธิ ที่ดินทั้งสองแปลงยังเป็นกองมรดกของนางพร้อมผู้ตาย โจทก์ชอบที่จะขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ของโจทก์ได้ผู้ร้องจะขอกันส่วนไว้ก่อนไม่ได้ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โฉนดที่พิพาททั้งสองแปลงยังคงมีชื่อนางพร้อมเจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ การที่ผู้ร้องทั้งสามและจำเลยขอโอนรับมรดกใส่ชื่อผู้ร้องทุกคนและจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในใบแทนโฉนดแทนนางพร้อมเจ้ามรดก ไม่ทำให้ที่พิพาทสองแปลงพ้นจากสภาพเป็นทรัพย์ในกองมรดกของนางพร้อมผู้ตายที่จะต้องรับผิดต่อหนี้สินของผู้ตายที่จะต้องชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาล ผู้ร้องทั้งสามไม่มีสิทธิขอกันส่วนได้ในกองมรดกจนกว่าจะได้จัดการชำระหนี้สินของนางพร้อมเจ้ามรดกให้เสร็จสิ้นเสียก่อน กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗
พิพากษายืน

Share