แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ผู้บริหารของลูกหนี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาซึ่งมีข้อความเหมือนกับคำร้องฉบับลงวันที่เดียวกันที่ยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง โดยขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งผู้ทำแผนและมีคำสั่งว่าแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เป็นโมฆะ และให้ยกเลิกแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว โดยขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งบริษัท ท. เป็นผู้ทำแผนแทน ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยเป็นคำสั่งคำร้องศาลฎีกาว่า “คดีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว และประเด็นตามคำร้องได้มีการวินิจฉัยในคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว ให้ยกคำร้อง…” การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางมีข้อความทำนองเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกาในวันเดียวกัน กับทั้งประเด็นเดียวกับที่มีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน อันเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้น จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และมีคำสั่งตั้งบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผน ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้บริหารแผนลูกหนี้ เจ้าหนี้รายที่ 207 และที่ 270 อุทธรณ์ ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2545
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนและมีคำสั่งว่าแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เป็นโมฆะ และยกเลิกแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว และเนื่องจากในการประชุมเจ้าหนี้เพื่อเลือกผู้ทำแผนที่ประชุมเจ้าหนี้ได้เลือกบริษัททีพีไอ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผนเป็นอันดับ 2 เมื่อบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด ไม่สามารถเป็นผู้ทำแผนได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งบริษัททีพีไอ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผนแทน
ผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนยื่นคำคัดค้านว่า ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือ
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “กรณีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยก่อนว่าการพิจารณาคำร้องของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้บริหารลูกหนี้ฉบับลงวันที่ 5 กันยายน 2544 ที่ยื่นต่อศาลล้มละลายกลางเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำอันจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 หรือไม่ เห็นว่า ในชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ ผู้บริหารของลูกหนี้ได้ยื่นข้อคัดค้านขอให้ศาลมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผน ในข้อคัดค้านดังกล่าวผู้บริหารของลูกหนี้ได้คัดค้านว่าผู้ทำแผนไม่มีคุณสมบัติและไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้บริหารแผนได้ ทั้งแผนนั้นมีรายละเอียดที่ขัดต่อกฎหมายและไม่เป็นธรรม ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้วในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2545 หน้า 43 และหน้า 44 บริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดจึงสามารถเป็นผู้บริหารแผนได้ ทั้งแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาจึงมีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลล้มละลายกลางที่เห็นชอบด้วยแผน นอกจากนี้ในวันที่ 5 กันยายน 2544 ผู้บริหารของลูกหนี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาซึ่งมีข้อความเหมือนกับคำร้องฉบับลงวันที่เดียวกันที่ยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง โดยขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนและมีคำสั่งว่าแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เป็นโมฆะ และให้ยกเลิกแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว และเนื่องจากที่ประชุมเจ้าหนี้เพื่อเลือกผู้ทำแผนนั้นได้เลือกบริษัททีพีไอ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผนอันดับ 2 เมื่อบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด ไม่สามารถเป็นผู้ทำแผนได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งบริษัททีพีไอ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผนแทน และศาลฎีกามีคำวินิจฉัยเป็นคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 3747/2544 ว่า “คดีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว และประเด็นตามคำร้องได้มีการวินิจฉัยในคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ” การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางอันมีข้อความทำนองเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกาในวันเดียวกัน กับทั้งประเด็นเดียวกับที่มีการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน อันเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้น จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่น ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน