แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสองทำสัญญาขายฝากที่ดินไว้แก่จำเลยที่ 1 มีกำหนดเวลาไถ่ 3 ปี การที่โจทก์ทั้งสองตกลงกับจำเลยที่ 1 ก่อนเวลาไถ่ครบกำหนดว่ายอมให้โจทก์ซื้อในราคาเดิมเมื่อสิ้นสุดสัญญาแล้วข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลเช่นเดียวกับให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากคืนได้ แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่ 3 ปี ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาขายฝาก เป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์สินต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 ข้อตกลงจึงเป็นโมฆะโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินตามข้อตกลงได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นสามีภริยากัน เมื่อวันที่ 6กรกฎาคม 2522 โจทก์ทั้งสองทำสัญญาขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 10372,8351 และ 8233 แก่จำเลยที่ 1 รวมเป็นเงิน 330,000 บาท กำหนดไถ่คืน3 ปี ครั้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2525 ซึ่งเป็นเวลาก่อนสิ้นกำหนดไถ่การขายฝาก โจทก์ทั้งสองตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าเมื่อพ้นกำหนดไถ่การขายฝากแล้ว จำเลยที่ 1 จะยอมให้โจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินทั้งสามแปลงคืนในราคาเดิม ต่อมาจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิไถ่ตามข้อตกลง แต่กลับจดทะเบียนโอนที่ดินทั้งสามแปลงให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรของตนโดยเสน่หาและไม่สุจริตทำให้โจทก์ทั้งสองเสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าวระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3ให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินและจดทะเบียนโอนขายที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าวคืนโจทก์ทั้งสองในราคา 330,000 บาท หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยทั้งสามให้การว่า บันทึกข้อตกลงตามเอกสารท้ายฟ้องกระทำขึ้นก่อนสิ้นกำหนดไถ่การขายฝาก มีผลทำให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนได้แม้พ้นกำหนดไถ่ เป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากต้องห้ามตามกฎหมาย ข้อตกลงนี้จึงตกเป็นโมฆะ เมื่อโจทก์ทั้งสองไม่ใช้สิทธิไถ่ที่ดินพิพาทคืนภายในกำหนด จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2และที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรได้โดยชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย และพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองทำสัญญาขายฝากที่ดินไว้แก่จำเลยที่ 1 มีกำหนดเวลาไถ่ 3 ปี การที่โจทก์ทั้งสองตกลงกับจำเลยที่ 1 ก่อนเวลาไถ่ครบกำหนดว่า ยอมให้โจทก์ทั้งสองซื้อในราคาเดิมเมื่อสิ้นสุดสัญญาแล้ว ข้อตกลงที่ให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิซื้อที่ดินที่ขายฝากคืนได้นี้ย่อมมีผลเช่นเดียวกับให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากคืนได้ แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่ 3 ปี ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาขายฝาก เป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์สิน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496ข้อตกลงจึงเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 1โอนขายที่ดินตามข้อตกลงดังกล่าวได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่จำต้องสืบพยานชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน