คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าบ้านผู้เป็นมารดายอมให้จำเลยซึ่งเป็นนายสิบตำรวจผู้บุตร ขนฝิ่นเข้ามาไว้ในบ้านนั้น มารดาอาจเข้าใจว่าจำเลยจับฝิ่นได้จากคนร้ายก็ได้ ทั้งเพิ่งนำมาเก็บไว้ไม่กี่ชั่วโมงก็เกิดถูกจับขึ้นดังนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะฟังว่าเจ้าบ้านผู้เป็นมารดาสมคบกับจำเลยอื่นมีฝิ่นไว้ในครอบครองผิด ก.ม.
พลตำรวจไปกับนายสิบตำรวจซึ่งเป็นหัวหน้าแล้วไปกระทำผิดขึ้น ศาลลงโทษเบากว่านายสิบตำรวจผู้เป็นหัวหน้าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันมีฝิ่นรวมหนัก ๔๙๐ กก. ๗๐๐ ก. โดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษและริบของกลางจำเลย ทั้ง ๔ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ ๑,๒,๓ ไปจับฝิ่นของกลางมาฝากไว้ที่บ้านจำเลยที่ ๔ ส่วนเจ้าของฝิ่นหลบหนี้ไปจับไม่ได้ จำเลยจึงไม่ผิด พิพากษาฟ้อง ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้ง ๔ สมคบกันมีผิ่นไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต พิพากษากลับว่าจำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ ม.๔,๕๓,๖๔ พ.ร.บ. ฝิ่น (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๔ ม.๖ จำคุกคนละ ๕ ปี ปรับคนละ ๑๙,๖๒๘,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ,๒,๓ เป็นข้าราชการวางโทษคูณตาม พ.ร.บ.ฝิ่น (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๙๔ ม.๑๑ เป็นจำคุกคนละ ๑๐ ปี ปรับคนละ ๓๙,๒๕๖,๐๐๐ บาท ไม่ใช้ค่าปรับจัดการตาม ม.๑๘ ก.ม. อาญา หากจำแทนจำคุกคนละ ๑ ปี ของกลางริบ
จำเลยทั้ง ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑,๒,๓ ชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว แต่พลตำรวจสมัคร จอย กับพลตำรวจสมัครประพจน์ จำเลยที่ ๒,๓ นั้น เป็นตำรวจผู้น้อยออกไปสืบเสาะจับกุมผู้ร้ายกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นหัวหน้าบังคับบัญชา แต่ไปกระทำผิดร่วมกัน ควรกำหนดโทษจำคุกให้เบากว่าจำเลยที่ ๑
คดีเฉพาะนางนวมจำเลยที่ ๔ ได้ความว่าเป็นเจ้าของบ้านที่เก็บฝิ่นและเป็นมารดาจำเลยที่ ๑ การที่นางนวมยอมให้จำเลยที่ ๑ ผู้เป็นบุตรนำฝิ่นมารไว้ในบ้านนั้น นางนวมอาจเข้าใจว่าจำเลยที่ ๑ จับฝิ่นได้จากคนร้ายก็ได้ และเพิ่งนำมาเก็บไว้ได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกจับ ยังไม่เพียงพอที่จะฟังว่า นางนวมสมคบกับจำเลยอื่นกระทำผิดหรือมีฝิ่นไว้ในครอบครองอันเป็นการผิด ก.ม.
จึงพิพากษาแก้เฉพาะโทษจำคุกจำเลยที่ ๒,๓ เหลือคนละ ๖ ปี ส่วนจำเลยที่ ๔ ให้ยกฟ้อง นอกจากนี้ยืน

Share