คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยยกขึ้นฎีกาโดยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ศาลก็รับวินิจฉัยได้
ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีอำนาจเป็นผู้กระทำการในนามของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก และเป็นผู้กระทำการแทนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเพื่อการนี้ผู้ว่าราชการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมอบอำนาจให้บุคคลใด ๆ ปฏิบัติกิจการเฉพาะอย่างแทนก็ได้ ตามความในมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2503 มิใช่เป็นเรื่องแต่งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สิ่งของอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยมีหลายอย่าง ของที่ขาดหายไปยังไม่ทราบได้ว่าอะไรขาดหายไปอย่างไรบ้าง และใครบ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่โจทก์จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนเพื่อรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะถึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คณะกรรมการทำการสอบสวนแล้วรายงานให้โจทก์ทราบ ดังนั้น การนับอายุความละเมิดจึงต้องถือเอาวันที่โจทก์รับทราบผลการสอบสวนเป็นวันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะถึงใช้ค่าสินไหมทดแทน มิใช่นับแต่วันที่โจทก์มีคำสั่งให้พักราชการจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นองค์การของรัฐบาลและเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย นายทวี อัศวนนท์ เป็นผู้ว่าการ ได้มอบอำนาจให้นายเบอร์ พรประสิทธิ์ ผู้อำนวยการไฟฟ้าภาคกลางเขต ๕ ดำเนินคดีแทน จำเลยที่ ๑ เป็นพนักงานของโจทก์มีหน้าที่ดูแลควบคุมการจำหน่ายสินค้าตลอดจนควบคุมรายรับ รายจ่าย และเรียกเก็บเงินตามระเบียบ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตยักยอกสินค้าในร้านไปใช้หรือจำหน่ายคิดเป็นเงิน ๒๓,๐๓๐ บาท ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓ และจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ จำหน่ายสินค้าให้ลูกค้าผ่อนส่งโดยไม่ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อตามระเบียบเป็นเหตุให้โจทก์เรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ผู้เช่าซื้อไม่ได้ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลขที่ ๔ นอกจากนี้ จำเลยที่ ๑ ยังได้ยักยอกเงินที่ลูกค้าชำระราคาสินค้าไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๕ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๑,๗๙๗ บาท โจทก์ทราบการกระทำของจำเลยที่ ๑ ประมาณเดือนมกราคม ๒๕๑๔ ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ กระทำไว้มาชำระแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต สิ่งของตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓ จำเลยไม่เคยรับไว้ เว้นแต่ตามรายการหมายเลข ๓.๑๕,๓.๑๖,๓.๑๗ ซึ่งจำเลยเก็บรักษาไว้ ณ ที่ทำการไฟฟ้าจังหวัดราชบุรี จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ ส่วนสิ่งของตามรายการอันปัจจุบันก็อยู่ในความครอบครองของโจทก์ ณ ที่ทำการไฟฟ้าจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดราชบุรีสิ่งของตามบัญชีท้ายฟ้องหมายเลข ๔ จำเลยขายให้แก่ผู้มีชื่อโดยมีสัญญาเช่าซื้อและใบรับของจากผู้เช่าซื้อทุกรายการ จำเลยขายไปตามหน้าที่ถูกต้องตามระเบียบ จำเลยไม่ต้องรับผิด คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ระหว่างที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ ทำละเมิดให้โจทก์เสียหายนั้น สัญญาค้ำประกันสิ้นสุดลงแล้วโดยโจทก์ตกลงกับจำเลยที่ ๑ เปลี่ยนตัวผู้ค้ำประกันจากจำเลยที่ ๒ ไปเป็นนายอินทร์ เจริญพงศ์ จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิด หากสัญญาค้ำประกันมีผลผูกพันจำเลยก็มีผลเพียง ๑,๐๐๐ บาท หนี้ในสัญญาค้ำประกันเป็นหนี้ในอนาคตมีเงื่อนไขและไม่แน่นอน ไม่ใช่หนี้อันสมบูรณ์ อันจะทำสัญญาค้ำประกันได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งร้านค้า ไม่มีอำนาจฟ้องแทนร้านค้า เมื่อจำเลยที่ ๑ กระทำผิด โจทก์ไม่แจ้งให้จำเลยที่ ๒ ทราบ ทั้งยังผ่อนเวลาให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ ๒ ถึงแก่กรรม นายสงวน สีมันตร และนางสาวพรสวรรค์ สีมันตร ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนจำเลยที่ ๑ ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง คดีไม่ขาดอายุความสัญญาค้ำประกันฟ้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดต่อโจทก์ในราคาสินค้าที่ขาดบัญชีไปบางรายการ ตามเอกสารหมายเลข ๓ ท้ายฟ้อง และรับผิดในจำนวนหนี้บางรายการตามเอกสารหมายเลข ๔ ท้ายฟ้อง รวมเป็นเงิน ๔๔,๕๙๕ บาท พิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช้ให้ผู้รับมรดกความในฐานะเป็นทายาทของจำเลยที่ ๒ ใช้แทน
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ โจทก์มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ ๑ ควรรับผิดเพียง ๔๓,๘๔๕ บาทเท่านั้น ส่วนจำเลยที่ ๒ แม้ไม่อุทธรณ์ตามลักษณะของคดีเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ ๒ จึงได้รับผลเป็นคุณด้วย พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๔๓,๘๔๕ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ให้จำเลยที่ ๒ ใช้แทน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องหมายเลข ๑ เป็นสัญญาตัวการตัวแทน เป็นนิติกรรมสองฝ่าย เมื่อผู้รับมอบอำนาจซึ่งเป็นตัวแทนไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญา แต่มาลงชื่อในใบแต่งทนายฟ้องคดี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ปัญหาข้อนี้จำเลยที่ ๑ มิได้ให้การต่อสู้ไว้ แต่อำนาจฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรรับวินิจฉัยให้ และเห็นว่านายทวี อัศวนนท์ เป็นผู้ว่าการมีอำนาจเป็นผู้กระทำในนามของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก และเป็นผู้กระทำการแทนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเพื่อการนี้นายทวี อัศวนนท์ จะมอบอำนาจให้บุคคลใด ๆ ปฏิบัติกิจการเฉพาะอย่างแทนก็ได้ ตามความในมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ ตามหนังสือมอบอำนาจความว่า นายทวี อัศวนนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแต่งตั้งนายเบอร์ พระประสิทธิ์ เป็นตัวแทนมีอำนาจแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินคดีนี้ ถือได้ว่านายทวี อัศวนนท์ ผู้ว่าการมอบอำนาจให้นายเบอร์ พรประสิทธิ์ ปฏิบัติการเฉพาะอย่างแทนตามความในมาตรา ๓๐ ดังกล่าว หาใช่เรื่องแต่งตั้งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาไม่ นายเบอร์ พรประสิทธิ์ จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ ส่วนสิ่งของรวม ๒ รายการเป็นเงิน ๔๓,๘๔๕ บาท เป็นสิ่งของที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ ๑ และขาดบัญชีไปจำนวนหนึ่ง และเป็นสิ่งของที่จำเลยที่ ๑ ให้ผู้อื่นเช่าซื้อไปแล้วไม่ทำสัญญาเช่าซื้อไว้ เป็นเหตุให้โจทก์เรียกเก็บเงินจากลูกหนี้เช่าซื้อไม่ได้อีกจำนวนหนึ่ง ปัญหาที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น เป็นว่าสิ่งของที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ ๑ มีหลายอย่าง ของที่ขาดหายไปยังไม่ทราบได้ว่าอะไรขาดหายไปอย่างไรบ้าง และใครบ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่โจทก์จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนเพื่อรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะถึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คณะกรรมการทำการสอบสวนแล้วรายงานให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๑๔ ดังนั้น การนับอายุความละเมิดจึงต้องถือเอาวันที่โจทก์รับทราบผลการสอบสวนเป็นวันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะถึงใช้ค่าสินไหมทดแทนคือวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๑๔ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๔ คดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ การนับอายุความละเมิดในกรณีนี้ มิใช่นับแต่วันที่โจทก์มีคำสั่งให้พักราชการจำเลยที่ ๑
พิพากษายืน

Share